เก็บสะสมเหรียญกษาปณ์เพื่อการลงทุน
เหรียญกษาปณ์ทองคำ รัชกาลที่ 4 แต้เม้งทงป้อ Tae Meng Tong Pao ตำลึงทอง
ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 4.5 ซ.ม. หนา 2 ม.ม. น้ำหนัก 60.8 กรัม
คำว่า เก็บสะสมเหรียญกษาปณ์ มีความหมายกว้างมาก หมายถึงเหรียญฯ หรือ เงินตราต่างๆ จากอดีตถึงปัจจุบัน มีมาช้านานมากกว่า 2,500 ปี ต่างชาติ ต่างยุค ต่างสมัย ต่างถิ่นกำเนิด มากมายเหลือคณานับ
อย่างไรก็ดีหากจะเก็บสะสมกว้างๆ กล่าวคือ พบเหรียญฯ อะไร ประเทศไหนหากสวยถูกใจต้องเก็บ รับรองว่า จะหาความโดดเด่นอะไรไม่ได้เลย ยกตัวอย่าง เช่น หากนำเหรียญฯ ออกมาอวดโชว์ ปรากฏว่าเหรียญฯ นั้น ใครเขาก็มีกัน เราจะรู้สึกว่าเหรียญฯ ของเราไม่โดดเด่น
ผู้คนไม่ให้ความสนใจ แต่หากเหรียญฯ ที่นำออกมาอวดโชว์ ปรากฏว่ามีคนอยากดูอยากเห็น นั่นแหละ แสดงว่าเหรียญฯ นั้นมีค่า คุ้มค่าต่อการสะสม ด้วยเหตุฉะนี้ จึงควรกำหนดและตัดสินใจให้ดีว่าจะสะสมเหรียญกษาปณ์ในกลุ่มใด ประเภทไหน
ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของแต่ละบุคคล จะเลือกสะสมเหรียญฯ ทองแดง บรอนซ์ เงิน หรือ ทองคำ ของประเทศใด ยุคไหน สมัยใด เหรียญกษาปณ์โบราณ หรือ เหรียญกษาปณ์หมุนเวียน
ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย หลายคนสะสมเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน มีทุกรุ่น ทุกแบบ รวมแล้วเป็นปี๊บ หนักหลายร้อยกิโลกรัม หากประเมินราคา ได้ไม่เท่ากับผู้อื่นที่มีเหรียญฯ เพียงหยิบมือ คือ มีเพียงไม่กี่เหรียญฯ ทว่าเป็นเหรียญฯ หายาก มีค่า ราคาสูง เป็นที่ต้องการของนักสะสม
ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่คิดจะเริ่มเก็บเหรียญฯ เพื่อการสะสม หรือ เพื่อการลงทุน ควรทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ดี การสะสม คือ การซื้อเวลา ส่วนราคาในอนาคต อยู่ที่ความหายาก และ คุณภาพของตัวเหรียญฯ ปรากฏว่า
เหรียญฯ ที่ได้เก็บสะสมมาพร้อมๆ กันเหล่านั้น บางเหรียญฯ มีราคาซื้อขายสูงมาก บางเหรียญฯ มีราคาซื้อขายไม่สูงนัก และ บางเหรียญฯ มีราคาซื้อขายไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป
นักสะสมทุกผู้ทุกนามไม่ว่าจะสะสมอะไร อื่นใดก็ตาม ย่อมมีความทะเยอทะยานอยากได้ชื่อว่า มีของ เป็นผู้ครอบครองของมีค่าหายาก ท่านผู้ใดหากมีฝันเช่นว่านี้ ต้องมี ความมุ่งมั่น ความเป็นเลิศ ต้องหมั่นศึกษา
ค้นคว้าหาความรู้ในกลุ่มเหรียญฯ ที่สนใจ ตั้งใจสะสม เพียรพยายามเสาะหา ติดตามด้วยความสุขุม มีความละเอียดรอบคอบ ศึกษาเรียนรู้จากผู้รู้ ต้องได้เห็นและสำผัสเหรียญฯ แท้ ของจริง มีหนังสือ ตำรา และ คู่มือเหรียญฯ สำหรับเปรียบเทียบอ้างอิง จับผิด
เพราะเหรียญฯ มีค่ามีราคาย่อมมีของปลอมแปลงตบตาหลอกขาย ข้อสำคัญต้องมีข้อมูล ลักษณะเฉพาะของเหรียญฯ แท้ ตลอดจนภาพถ่ายที่ชัดเจนทั้งด้านหน้า (obverse) ด้านหลัง (reverse) และ ด้านข้างเหรียญฯ (edge)
เมื่อก่อนโน้น ผู้ที่สะสมเหรียญกษาปณ์ล้วนเป็น กษัตริย์ ขุนนาง สังฆราชา ชนชั้นสูง พ่อค้าวาณิชผู้มั่งคั่ง
พระเจ้าออกุสตุสซีซ่า (Augustus Caesar) จักรพรรดิ์แห่งจักรวรรดิ์โรมัน เป็นบุคคลที่ประวัติศาสตร์ได้บันทึกว่า เป็นกษัตริย์พระองค์แรกนิยมการสะสมเหรียญกษาปณ์ของโรมและเหล่าแว่นแคว้นต่างๆ ในเขตอาณาทั้งหลายของจักรวรรดิ์โรมัน
จนเป็นที่กล่าวขานว่า การสะสมเหรียญกษาปณ์เป็นของเล่นพระราชา จากนั้นมา เริ่มนิยม และ แพร่หลายมากในยุค ฟื้นฟูศิลปะเรอเนซองค์ ถือว่ารุ่งเรืองมาก เพราะประเทศต่างๆ ในยุโรป ต่างแข่งกันผลิตเหรียญกษาปณ์ เหรียญที่ระลึก ในรูปแบบงานศิลป์ชั้นสูง
สมัยนี้ การเก็บสะสมเหรียญกษาปณ์ถือเป็นสามัญ เป็นที่นิยมชื่นชอบของคนทั่วโลก เป็นสากล ไม่ว่าชนชาติไหน ศาสนาใด เหรียญกษาปณ์เป็นสื่อกลางเชื่อมโยง เศรษฐกิจ การเมือง และ ศิลปะ มาแต่โบราณ เหรียญฯ ที่มีค่า หายาก ย่อมมีราคาแพง มักจะอยู่ในความครอบครองของพิพิธภัณฑ์ นักสะสมผู้มีความมั่งคั่ง มีตระกูล
ช่วงไหนเศรษฐกิจดี หากเงินเฟ้อสูง เหล่านักการเงินการธนาคาร และ เหล่าเศรษฐีผู้ร่ำรวยมั่งคั่งทั้งหลายจะหันมาลงทุนเก็บสะสมเหรียญกษาปณ์ ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ ของสะสมที่มีชื่อเสียงหายากอื่นๆ แทนการถือครองเงินสดส่วนเกิน หากเศรษฐกิจฝืดเคือง ชะลอตัว ถดถอย ผู้ที่เดือดร้อนมักจะทะยอยขายของมีค่า ของสะสม เพื่อพยุงเศรษฐกิจในครัวเรือนของตน
เกิดการซื้อขาย เปลี่ยนมือผู้ถือครอง เป็นโอกาสให้คนมีเงินเลือกซื้อ เก็บของมีค่าเพื่อการสะสม เพราะเงินสดเก็บไว้ไม่งอกเงย สวนทางกับของสะสม มีแต่จะเพิ่มค่าตามกาลเวลา สิ่งใดที่มีค่าหายากเป็นที่ต้องการสูง ราคาก็จะสูงตาม
ทั้งนี้ ศึกษาได้จากการประมูลซื้อขายในห้องค้าต่างๆ เช่น Christy's, Sotheby's, Phillips, Spink, Heritage Auctions, Stack's & Bower's ฯลฯ และ กลุ่มห้องค้าของ Classical Numismatic Group, Inc.
และ Numis Bids บริษัทเหล่านี้ ล้วนมีห้องประมูลสาขาตามเมืองใหญ่ทั่วโลก ปัจจุบันมีการประมูลซื้อขายมาก การเปลี่ยนมือเปลี่ยนผู้ครอบครองมีตลอดเวลา ไม่ว่าปริมาณ หรือ ราคาซื้อขายเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
บริษัทประมูลซื้อขายเหล่านี้ ประกอบธุรกิจบนหลักการของกษาปณ์วิทยา (Numismatics) ดำเนินการ โดยผู้เชี่ยวชาญ มี ความรู้ความสามารถ เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี โลหะวิทยา ฯลฯ บนวิถีทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งนักสะสมชาวไทยอ่อนในเรื่องนี้ ขาดความเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ให้ความสำคัญต่อการตรวจสอบในเชิงวิทยาศาสตร์ จากห้องปฏิบัติการ (Laboratory)
ยึดถือแต่คำบอกเล่า ตำนาน พงศาวดาร ความเชื่องมงาย ฯลฯ นักสะสมเหรียญกษาปณ์ หรือ นักสะสมพระเครื่อง โบราณวัตถุ ฯลฯ ล้วนมีเครื่องมือตรวจสอบเพียงเล็นส์ขยายพกพา กำลังขยายไม่เกิน 10 เท่า ซึ่งเล็นส์ส่องขยายระดับนี้ เป็นเพียงเครื่องมือเบื้องต้นของมืออาชีพ
เล็นส์แบบพกพา กำลังขยาย 3 - 6 - 9 เท่า สำหรับส่องเหรียญกษาปณ์ เพชร พลอย พระเครื่อง ฯลฯ
จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรับรู้ และ เข้าใจขั้นตอนการตรวจสอบด้วยเครื่องมือตรวจวัดเพื่อพิสูจน์ทราบ ที่สำคัญ ต้องเปรียบเทียบกับเหรียญฯ ที่เป็นของแท้เสมอ
เครื่องชั่งดิจิตัล 0 - 100 กรัม และเวอร์เนียร์คาลิเปอร์สำหรับวัดขนาด
การตรวจแบบทั่วๆ ไป สัมผัสแรกกับเหรียญกษาปณ์ คือ รูปแบบลวดลายถูกต้อง สี และ พื้นผิวไม่มีความแตกต่าง หากเป็นเหรียญฯ เงิน หรือ เหรียญฯ ทองคำ ต้องตรวจด้วย แม่เหล็กถาวร ถ้าดูดติดแสดงว่ามีเหล็กเจือปน จากนั้น เคาะเบาๆ ฟังเสียงกังวาน (Resonance frequency)
ต้องใกล้เคียงเหรียญฯ แท้ หากเสียงทึบ หรือ เสียงต่างไปแสดงว่ามีโลหะอื่นผสม หากรู้สึกว่าเข้าเกณฑ์ น่าสนใจ ลำดับต่อไป ตรวจดูรายละเอียดเบื้องต้นด้วย เล็นส์ กำลังขยายไม่เกิน 10 เท่า คือ เล็นส์ส่องพระ หรือ เล็นส์ส่องเพชรพลอย ส่องดูตามมุมขอบร่องลึก หาร่องรอยฟองอากาศ ตรวจดูขอบเหรียญฯ หารอยตะเข็บ รอยเชื่อมต่อ รอยตะไบ หากมีจะเป็นเหรียญฯ ปลอม หล่อจากการกดพิมพ์ดินเหนียว
หรือ จากพิมพ์ปูนพลาสเตอร์ หากรอบข้างเหรียญฯ (Edge) ถูกรีดเป็นรอยจักร ร่องเฟือง หรือ รีดพิมพ์ตัวอักษร ต้องตรวจดูระยะห่าง ความเรียบร้อย เรียงเป็นระเบียบ ร่องรอยต้องชัดเจน มีระยะห่างระหว่างกันสม่ำเสมอ จากนั้นให้ส่องหาลายเส้นตำหนิต่างๆ แล้วจึงนำไปชั่งหาน้ำหนักด้วย เครื่องชั่งน้ำหนักดิจิตัล ตรวจดูด้านหน้า (หัว Obverse)(อเมริกันเรียกว่า Head)
ด้านหลัง (ก้อย Reverse)(อเมริกันเรียกว่า Tail) ขอบเหรียญ (Rim) จะเป็นวงรอบขอบนอกของด้านหน้าและด้านหลังของตัวเหรียญฯ
รูปภาพด้านหน้า และ รูปภาพด้านหลังของตัวเหรียญฯ หากหมุน หรือ พลิกดูจากขวาไปซ้าย หรือ จากซ้ายไปขวา ภาพตั้งตรงตามกัน เรียกว่า แกนเยื้องกัน 12 นาฬิกา (Die axis 12 o'clock) หากรูปภาพตั้งตรงทั้งสองด้าน แต่ส่วนบนของภาพด้านหลังทำมุมเฉไปทางขวา ประมาณ 45 องศา เรียกว่า แกนเยื้องกัน 2 นาฬิกา (Die axis 2 o'clock) หรือ 90 องศา เรียกว่า แกนเยื้องกัน 3 นาฬิกา
(Die axis 3 o'clock) หากตั้งฉากสลับกัน เรียกว่า แกนเยื้องกัน 6 นาฬิกา (Die axis 6 o'clock) หรือ แกนทำมุมเยื้องกันกี่ .... นาฬิกา (Die axis ... o'clock)
จากนั้น วัดหาขนาด ความกว้าง และ ความหนาของตัวเหรียญฯ ด้วย เวอร์เนียร์คาลิเปอร์ (Vernir caliper) แล้วนำข้อมูล ตัวเลขต่างๆ เหล่านี้ ไปเปรียบเทียบกับข้อมูลจากตำราเหรียญฯ ผลที่ได้ย่อมเพียงพอที่จะวินิจฉัยเบื้องต้นว่า เหรียญฯ นี้ มีความน่าสนใจมากน้อยเพียงไร ถ้าเป็นเหรียญฯ ที่มีค่า ราคาแพง หรือ เหรียญฯ ที่มีข้อกังขา
จำเป็นต้องตรวจด้วยเครื่องมือชนิดพิเศษ ที่มีความซับซ้อนกว่านี้ต่อไป
เหรียญฯ ปลอม ส่วนใหญ่มักเป็นเหรียญฯ ยอดนิยม หายาก ราคาแพง ปั๊มจากแม่พิมพ์แกะแต่งลาย บ้างกอปปี้สำเนาจากเหรียญฯ แท้ ลายเส้นมักตื้น หนา บาง มีขาด มีเกิน สีผิวของโลหะและน้ำหนักมักผิดเพี้ยน ถ้าเป็นเหรียญฯ ทอง ส่วนใหญ่จะชุบทองค่อนข้างหนา ที่พิเศษสุด อาจจะเป็นตะกั่วหรือทังสะเต็นยัดใส้หุ้มด้วยแผ่นทองคำปั๊มขึ้นลาย พบเห็นเสนอขายทั่วไปบนสื่ออินเตอร์เน็ต และ ร้านค้าจิวเวอรี่ ในรูปของเครื่องประดับ
จี้ห้อยคอ หุ้มกรอบเพื่อกลบเกลื่อน ปิดบังไม่ให้เห็นตำหนิ บ้างก็เป็นหัวแหวนเหรียญโบราณ หากพบ พึงเดาไว้ก่อนว่า น่าจะเป็นเหรียญฯ ทำใหม่ (ปลอม) เหรียญฯ มีค่าหายาก คือ เหรียญฯ โบราณ หากมีความสวยงาม สมบูรณ์เกินจริง ทำจากเงินแท้ หรือ ทองคำแท้ มีเพียงหนึ่งเดียว หรือ ชิ้นเดียว (Unique) พึงตระหนัก ! ให้มองในแง่ลบไว้ก่อน ต้องตรวจสอบเทียบเคียงกับภาพถ่าย
ของพิพิธภัณฑ์ที่มีเหรียญฯ แบบนั้นๆ
กล้องจุลทัศน์แบบส่อง และ แบบสองตา Binocular Microscope กำลังขยาย 10 - 100 เท่า ตรวจสอบผิว เนื้อ ลายเส้น วัดระยะ บันทึกภาพขยาย
การตรวจขั้นสูงด้วยเครื่องมือพิเศษ นำเหรียญฯ มาตรวจด้านหน้า (Obverse) ด้านหลัง (Reverse) และด้านข้าง (Edge) โดยรอบ ด้วย กล้องขยายจุลทัศน์สองตา (Binocular Microscope)
ขนาดกำลังขยายไม่เกิน 100 เท่า ตรวจดูพื้นผิว ลายเส้น วัดความตื้นลึก ระยะห่างระหว่างลายเส้น หากเป็นเครื่องที่สามารถต่อพ่วงกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือ กล้องถ่ายรูปดิจิตัล ต้องบันทึกเก็บภาพและพิมพ์ออกมาเพื่อเปรียบเทียบกับภาพของเหรียญฯ แท้ จะได้ประโยชน์มาก ช่วยให้ง่ายต่อการเปรียบเทียบ ตรวจสอบจับผิด
จากนั้น นำเหรียญฯ มาตรวจวัดความหนาแน่น ประเมินเนื้อใน เป็น โลหะชนิดเดียวกัน หรือ ยัดใส้โลหะต่างชนิด ด้วยเครื่อง อูลตร้าโซนิค (Ultrasonic thickness tester) หรือเครื่องอ่านค่าความนำไฟฟ้า (Conductivity tester)
เครื่องวัดความหนาแน่นดังกล่าวทั้งสองนี้ สามารถระบุความถ่วงจำเพาะของวัตถุ (Specific gravity) หากต้องการความมั่นใจมากกว่านี้ ต้องใช้เครื่องตรวจหาองค์ประกอบ ส่วนผสมของโลหะในเหรียญฯ ชิ้นนั้นๆ ได้อย่างแม่นยำ ด้วยเครื่อง X-ray Fluorescence
Spectroscopy ชื่อย่อ XRF ราคาค่อนข้างสูง แบบตั้งโต๊ะ มีราคากว่าล้าน หรือ แบบพกพา ราคาย่อมลงมาหลายแสนบาท ส่วนใหญ่ใช้ในงานวิเคราะห์และวิจัยระดับห้องปฏิบัติการ ใช้แยกแยะองค์ประกอบที่เป็น อินทรีย์วัตถุ แร่ธาตุ หรือ โลหะ ผสมอยู่ในชิ้นงาน นั้นๆ
เครื่องมือวัดต่างๆ ที่ได้กล่าวมาข้างต้นนี้ ยกเว้นเครื่อง XRF ราคาจะอยู่ระหว่าง 15,000 - 40,000 บาท ขึ้นอยู่กับยี่ห้อและคุณภาพ ส่วนเครื่อง XRF อาจจะเกินความจำเป็น แต่หากต้องการข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ด้านโลหะวิทยา ก็สามารถหาตรวจได้จากห้องปฏิบ้ติการ อัญมณี โลหะมีค่า ของทางการ หรือ เอกชนที่เปิดรับให้บริการตรวจสอบ
จะได้รับใบกำกับวัตถุชิ้นนั้น รับรอง ชนิด ประเภท องค์ประกอบ มีหน่วยเป็น เปอร์เซ็นต์ หรือ PPM
เครื่องวัดความหนาแน่น Digital Conductivity และ เครื่องตรวจ X-ray Fluorescence Spectroscopy แบบพกพา
เมื่อมีความเข้าใจขั้นตอนต่างๆ ข้างต้นดีแล้ว ต้องพิจารณาและสำรวจตนว่า มีความพร้อมในสิ่งที่สนใจและชื่นชอบที่จะสะสมเหรียญกษาปณ์ในกลุ่มไหน ประเภทใด ผลิตจากโลหะ ทองแดง บรอนซ์ หรือ คูโปรนิเกิล ซึ่งกลุ่มนี้มีมากหาง่าย
ส่วนโลหะมีค่า เช่น เงิน มีจำนวนน้อย และ มีน้อยมากๆ ค่อนข้างหายากหากผลิตจากทองคำ
เหรียญกษาปณ์มีกระบวนการผลิต 5 วิธี ดังนี้
1. ประทับตราด้วยการตอก ตีตราบนชิ้นโลหะ Punch-Marked Coins
2. หล่อจากการกดลายบนพิมพ์ดินเหนียว หรือ ปูนพลาสเตอร์ Casting Coins
3. บุ ดุนลายโดยแม่พิมพ์แกะลาย มีแต่ด้านหน้าด้านเดียว ด้วยฆ้อน Bracteate Coins
4. ตอกปั้มลายโดยแม่พิมพ์แกะลาย สองด้าน มี ด้านหน้า (หัว) และ ด้านหลัง (ก้อย) ด้วยฆ้อน Die Struck Coins
5. ปั้มขึ้นรูป ชิ้นโลหะโดยบล๊อคแม่พิมพ์แกะลาย สองด้าน คือ ด้านหน้า (หัว) ด้านหลัง (ก้อย) และ หรือ รีดขึ้นลายด้านข้างของเหรียญฯ เป็น เครื่องหมาย ตัวอักษร
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้ กระทำโดยเครื่องจักร Modern Machine Press Coins ดัง เหรียญกษาปณ์หมุนเวียน เหรียญที่ระลึก ใช้กันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน
 
เหรียญกษาปณ์โบราณที่นักสะสมรุ่นก่อนมักจะมองข้าม คือ กลุ่มเหรียญบุดุนลายโลหะ ซึ่ง ฝรั่งเศสเรียกว่า Repousse เยอรมันเรียกว่า Brakteat อังกฤษเรียกว่า Bracteate
ส่วนใหญ่ใช้ติดประดับบนอาภรณ์ของชนชั้นสูงผู้มั่งคั่ง ผู้มีอำนาจ เหล่ากษัตริย์ พบในสุสานหลุมศพโบราณ ในมหาสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาติของพระพุทธเจ้า มักมีเหรียญทองคำบุดุนลายดอกไม้
ดวงดาว ฯลฯ ปะปนอยู่กับแก้วแหวนเงินทอง อินเดียโบราณเรียกเหรียญบุดุนลาย Utpiditanka Mudra นักกษาปณ์วิทยาชาวตะวันตกเรียก Single die punch coins
 
เหรียญกษาปณ์ดุนลายโบราณเหล่านี้ มีพบในประเทศอิหร่าน ปากีสถาน อินเดีย พบมากบนสองฝั่งแม่น้ำ Oxus ในประเทศอาฟกานิสถาน เหรียญประเภทนี้ส่วนใหญ่ผลิตจากแผ่นทองคำบุดุนลาย
ในประเทศเมียนมามีพบในอาณาจักรอาราคันโบราณ บุดุนลายจากแผ่นเงิน และ มีพบบ้างในกลุ่มเหรียญ ศรีเกษตร ฟูนัน
 
เหรียญฯ บุ หรือ ดุนลาย ไม่เป็นที่นิยม เหตุเพราะ ปลอมแปลงง่ายด้วยวิธี Electrotype
เหรียญทองคำบุดุนลาย จากอาณาจักรเปอร์เซียโบราณ พบใกล้แม่น้ำ Oxus
เหรียญทองคำบุดุนลาย อักขระคุปตะ จากแคว้นโกศล Kosala อินเดียโบราณ
เหรียญเงินบุดุนลาย อักขระสิทธรรม อาณาจักรอาราคัน รัฐยะไข่ ประเทศเมียนมาปัจจุบัน
การผลิตเหรียญยุคโบราณด้วยแรงคน ตอกปั๊ม ตีตรา จากแม่แบบเหล็กแข็งแกะลาย
เหรียญฯ โบราณไม่มีมาตรฐานการผลิต ส่วนผสมของเนื้อโลหะที่ใช้ผลิตเหรียญฯ ไม่สม่ำเสมอ เหรียญฯ แบบเดียวกันมักมีหลายพิมพ์ บ่อยครั้งพิมพ์หน้าและพิมพ์หลังสลับกัน บางเหรียญฯ ตอกจากแม่พิมพ์ที่มีความสึกกร่อนของพิมพ์หน้าและพิมพ์หลังไม่เท่ากัน
ด้านหน้าและด้านหลังมักเยื้องเฉไม่ได้ศูนย์ ความชัดไม่เท่ากันทั้งที่ตอกจากแม่พิมพ์เดียวกันจากความหนักเบาในการตอกด้วยมือ มักมีรอยเยินจากการตอกย้ำ ซ้ำๆ หลายครั้ง โดยเฉพาะเหรียญฯ ทองคำจะเห็นชัดเจน กระทั่งรอยเบียดเคลื่อนของเนื้อทองคำใกล้ขอบของตัวเหรียญฯ
เหรียญฯ โบราณปลอมมีมาก คือ เหรียญฯ ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ เช่น ตะกั่ว ทองแดง บรอนซ์ และ เงิน
เหรียญฯ โบราณปลอมมีน้อย คือ เหรียญทองคำ เพราะต้นทุนสูง ออกตัวยาก ตรวจจับผิดได้ง่าย
เหรียญฯ โบราณปลอมส่วนมาก มักจะมีความสวยงาม เรียบร้อย ได้สัดส่วน ด้านหน้าและด้านหลังของตัวเหรียญกลมได้ศูนย์ จากความตั้งใจปลอมเพื่อให้สมบูรณ์แบบ ตัวอักขระชัดเจนเกินจริง รายละเอียดและลวดลายค่อนข้างครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เหรียญฯ
บรอนซ์ ทองแดง และ เงิน มักแกะหรือกดแบบสร้างแม่พิมพ์จากเหรียญฯ แท้ แล้วนำมาแต่งเน้นลาย เว้นแต่เหรียญฯ ทองคำโบราณฯ ปลอม ส่วนมากมักผิดเพี้ยน เนื่องจากเหรียญฯ ทองคำโบราณของแท้มีน้อย อยู่ในมือของผู้ครอบครองไม่กี่ราย การปลอมแปลงต้องคัดลอกจากภาพถ่ายเป็นส่วนใหญ่
ขนาด สัดส่วน ลายเส้น ขาด เกิน ไม่ละเอียดเท่า เนื่องจากไม่มีเหรียญฯ ทองคำของแท้เป็นแม่แบบ
โดยเหตุที่ทองคำไม่ผุกร่อนจากสนิมที่เกิดจากอากาศหรือความชื้นใดๆ ลายเส้นต่างๆ ของเหรียญฯ ทองคำโบราณยังคงอยู่ให้เห็นชัดเจนทั้งที่ผ่านกาลเวลามานับพันปี การตรวจสอบเหรียญฯ ทองคำจึงกระทำได้ง่ายกว่าเหรียญฯ ที่ผลิตจากโลหะอื่น เหรียญกษาปณ์ทองคำโบราณของแท้มักมีรอยตำหนิ อาทิ
รอยกัดด้วยฟันจากการตรวจสอบความอ่อนของทองคำ หรือไม่ก็มีรอยเจาะของเหล็กแหลม หรือ รอยตัดด้วยของมีคมตามขอบเหรียญฯ เพื่อดูเนื้อในของตัวเหรียญฯ จากผู้คนในสมัยโบราณ ที่สำคัญ คือ เหรียญฯ ทองคำโบราณที่ไม่ผ่านการทำความสะอาด มักมีคราบเก่าเกาะบนผิว (Patina) จากคราบเหล่านี้บอกได้ว่า
จมอยู่ในน้ำ ฝังอยู่ในดิน หรือ ฝังอยู่ในทราย เป็นเวลานานมากน้อยเพียงใด
เหรียญกษาปณ์เงิน 2 บาท รัชกาลที่ 4 กึ่งตำลึงเงิน
ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 3.8 ซ.ม. หนา 2 ม.ม. น้ำหนัก 30.15 กรัม
เหรียญกษาปณ์เงิน 1 บาท รัชกาลที่ 4
ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 3.2 ซ.ม. หนา 2 ม.ม. น้ำหนัก 14.89 กรัม
เหรียญกษาปณ์ทองคำ 1 บาท รัชกาลที่ 4
เหรียญกษาปณ์เงิน รัชกาลที่ 4 แต้เม้งทงป้อ Tae Meng Tong Pao ตำลึงเงิน
ขนาด เส้นผ่าศูนย์กลาง 4.5 ซ.ม. หนา 4 ม.ม. น้ำหนัก 60.84 กรัม
เหรียญกษาปณ์ โสฬส ผลิตจากประเทศอังกฤษ
เหรียญกษาปณ์ โสฬส พิมพ์นี้ อาจจะผลิตจากโรงกษาปณ์สิทธิการ หากผู้ใดมี.. ควรตรวจสอบความเป็นเหรียญฯ แท้ กับสำนักกษาปณ์ฯ กรมธนารักษ์
ในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่มีการผลิตเหรียญกษาปณ์ ไพ
เหรียญฯ ที่เป็นมาตรฐาน คือ เหรียญฯ ที่ผลิตจากเครื่องจักร มีรูปแบบ ขนาด น้ำหนัก และ ส่วนผสมของโลหะ แน่นอน เพราะผลิตจากแม่พิมพ์เดียวกัน ตรวจสอบเปรียบเทียบความแท้ ปลอมได้ง่าย
นักสะสมเหรียญฯ มือใหม่ ควรเริ่มต้นด้วยเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนที่ผลิตจากเครื่องจักรมาตรฐาน ส่วนผู้ที่มีฐานะดีต้องการถึงฝั่งฝัน ควรให้ความสนใจเหรียญกษาปณ์ทองคำ โดยเฉพาะเหรียญฯ เก่าหายากที่มีจำนวนน้อย เช่น เหรียญฯ ทองคำ ประเทศสยาม
สมัยรัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 นักสะสมเหรียญกษาปณ์ทั้งไทยและเทศนิยมเสาะหา เนื่องจากเหรียญกษาปณ์ทองคำของสองรัชกาลนี้ ผลิตจำนวนน้อย อยู่ในมือผู้ครอบครองไม่กี่ราย ส่วนเหรียญฯ เงิน เหรียญฯ ทองแดง และ โลหะอื่นๆ ของสองรัชกาลนี้ ยังมีมากพอให้เสาะหาได้
เหรียญฯ ปลอม มีมาช้านาน ดังตัวอย่างต่อไปนี้ เหรียญฯ ปลอม คุณภาพสูง ของรุ่นก่อนหน้านี้ นิยมแกะด้วยมือ ปั้มด้วยเครื่องสกรูอัดแรง หรือ เครื่องไฮโดรลิค
เหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้าขะนิสกะ อาณาจักรคุชชาน ม้า ปลอม สมบัติของ British Museum
เหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้าขะนิสกะ อาณาจักรคุชชาน ม้า ของ British Museum, London. เลขที่ 783675001 ได้รับบริจาค จาก Col. Charles Seton Guthrie เมื่อปี ค.ศ. 1866 ที่ ประเทศอังกฤษ ซึ่งพิพิธภ้ณฑถานฯ ตรวจพบในภายหลังว่าเป็นเหรียญฯ ปลอม
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ภาพถัดไปนี้ เป็นเหรียญฯ แท้ ตรวจสอบ วัด และ เทียบเคียงให้ดี ระหว่างเหรียญฯ แท้ กับ เหรียญฯ ปลอม จะเห็นว่า เหรียญฯ ปลอม มี ขนาด น้ำหนัก และ ลวดลาย ถูกต้องทุกประการ ผู้ผลิตมีความตั้งใจสูง เพื่อให้มีความน่าสนใจ จึงมีความสวยงามกว่า เรียบร้อย อักขระครบถ้วน ชัดเจน แสดงว่า ผู้แกะแม่พิมพ์มีฝีมือเป็นเลิศ
ด้านหน้าและด้านหลังได้ศูนย์ ตัวเหรียญฯ สะอาด เรียบร้อย เพราะผ่านการรีด ขัดผิว ความหนาจึงเสมอกัน เนื่องจาก ปั้มด้วยเครื่องอัดแรง แกนของแม่พิมพ์ส่วนที่เป็นด้านหัว และ ด้านก้อย ถูกยึดตรึงให้ตรงศูนย์ของแท่นปั้ม เหรียญฯ ที่ได้ จึงไม่เยื้องเฉหนีศูนย์
เหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้าขะนิสกะ อาณาจักรคุชชาน ม้า เหรียญฯ แท้
ปี พ.ศ. 670-693 (ค.ศ. 127-150) น้าหนัก 8.21 กรัม เส้นผ่าศูนย์กลาง 18.7 มม. ด้านหน้า และ ด้านหลัง ทำมุมเยื้องกัน 10 นาฬิกา
เพื่อประโยชน์ต่อการเรียนรู้ ภาพเหรียญฯ แท้ นี้ แสดงที่ ขนาด 1,040 X 520 พิกเซล หากท่านต้องการเห็นภาพที่ชัดเจนกว่านี้ ให้ขยายหรือถ่างภาพ เพื่อขยายความคมชัดได้ ถึง 3,000 x 1,500 พิกเซล
จะเห็นคุณสมบัติของเหรียญแท้ ประหนึ่งสัมผัสของจริง การขูดเกลี่ยพื้นผิว การขุดขีดลายเส้นต่างๆ เห็นได้อย่างเด่นชัด จากลักษณะของการแกะสลักแม่พิมพ์ด้วยมือ ของช่างแกะแม่พิมพ์เหรียญฯ สมัยโบราณ จากเครื่องมือมีคม เพียงสิ่วปลายแหลมเล็ก
นี่คือ ความแตกต่างของแม่พิม์ที่แกะสลักจากสิ่วปลายแหลมด้วยมือ เปรียบเทียบกับ แม่พิมพ์แกะสลักจากเครื่องมือไฟฟ้าสมัยใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รอยซ้อนจากการตอกย้ำหลายครั้ง จากความหนักเบาของการตี รอยเบียดเคลื่อนที่ของเนื้อทองตามขอบเหรียญ
บังเกิดข้อฉงนว่า ช่างฝีมือในสมัยโบราณใช้อะไร ขยายสายตาช่วยให้มองเห็นลายเส้นเล็กๆ เพื่อสร้างชิ้นงานขนาด 18.7 ม.ม. เล็กจิ๋ว เมื่อสองพันปีที่แล้ว .... เพราะการประดิษฐ์เล็นส์ขยายภาพเพื่อการมองเห็น เพิ่งจะมีไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา
เหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้าขะนิสกะ อาณาจักรคุชชาน ม้า ปลอม สมบัติของ British Museum
เหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้าขะนิสกะ อาณาจักรคุชชาน ม้า เหรียญที่สอง ของ British Museum, London. เลขที่ 783673001 ได้รับโอนมา จาก India Museum, Calcutta. ประเทศอินเดีย เมื่อปี ค.ศ. 1882 ซึ่งพิพิธภ้ณฑถานฯ ตรวจพบว่าเป็นเหรียญฯ ปลอมจากแม่พิมพ์เดียวกัน ดั่งเหรียญฯ ปลอมชิ้นแรก เลขที่ 783675001
สมัยนี้ เทคโนโลยีพัฒนาไปไกลมาก ควบคุมด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ สามารถทำของใหม่ ปลอมแปลงได้ใกล้เคียงของจริงมาก จำต้องทันเทคโนโลยี ด้วยการตรวจสอบด้วยเครื่องมือพิเศษ Binocular Microscope, Ultrasonic / Conductivity tester และ X-ray Fluorescence Spectroscopy
ต้องยอมรับว่า ราคาซื้อขายเหรียญกษาปณ์ทุกวันนี้ มีราคาสูงมาก จูงใจให้เหล่ามิจฉาชีพกล้าลงทุน ใช้เทคนิค Transfer die counterfeit ซึ่งเป็นกระบวนการผลิตที่มีคุณภาพสูงมาก เหรียญที่ถูกทำขึ้นใหม่นี้ จะมีขนาด น้ำหนัก ส่วนผสมของโลหะไม่ว่า เงิน หรือ ทองคำ ใกล้เคียงมาก มีสัดส่วน ลายเส้น
ความตื้นลึกหนาบาง ถอดแบบตรงตามเหรียญจริงต้นแบบทุกประการ ส่วนใหญ่จะนิยมปลอมเหรียญฯ ทองคำ และ เงิน รุ่นหายาก ราคาแพง โดยเฉพาะ ที่ผลิตจากเครื่องจักร ตัวอย่าง เหรียญยุคสมัย
Queen Victoria เหรียญดอลลาร์ประเทศจีนยุคเริ่มต้นประชาธิปไตย ฯลฯ
เหรียญปลอมด้วยวิธี Transfer die ด้านหน้าสองเหรียญนี้ มีรอยตำหนิขีดข่วนที่คอ และ เหนือตัว E ลักษณะและตำแหน่งเดียวกันทุกประการ เพราะ copy สำเนา จาก เหรียญต้นแบบเดียวกัน
เหรียญปลอมด้วยวิธี Transfer die ด้านหลังสองเหรียญนี้ มีรอยตำหนิขีดข่วนกลางเหรียญ ลักษณะและตำแหน่งเดียวกันทุกประการ เพราะ copy สำเนา จาก เหรียญต้นแบบเดียวกัน
เหรียญปลอมด้วยวิธี Transfer die สองเหรียญนี้ มีรอยตำหนิขีดข่วนที่แก้ม และ ใต้ใบหู ลักษณะและตำแหน่งเดียวกันทุกประการ เพราะ copy สำเนา จาก เหรียญต้นแบบเดียวกัน
เนื่องจากกระบวนการ Copy ถอดแบบ จะเก็บทุกรายละเอียด ไม่ว่าตำหนิ รอยขูดขีด จะถูกถ่ายทอดไปทุกกระเบียดนิ้ว งานนี้จึงต้อง จับผิดด้วยสายตา หาจุดตำหนิ รอยขูดขีด หรือ จุดส่วนเกินที่ด้านหน้า และ ด้านหลังของตัวเหรียญ หากนำเหรียญปลอมรุ่นเดียวกันหลายๆ เหรียญมาเปรียบเทียบกัน
จะพบตำหนิ อยู่ในตำแหน่งเดียวกัน ลักษณ์ตรงกันทุกประการ แสดงว่าปลอมจากต้นแบบเหรียญเดียวกัน
กระบวนการ Transfer die counterfeit เป็นเทคนิคปลอมแปลงล่าสุดที่ยอดเยี่ยมมาก เก็บทุกรายละเอียดแม้แต่รอยขีดข่วนขนแมว เมื่อถูกจับผิดได้ง่ายดายเช่นนี้ แน่นอน ..... ผู้ปลอมแปลงจำต้องเพิ่มความเพียร บรรจงลบรอยขูดขีดต่างๆ ด้วยมือทีละเหรียญ ให้ต่างกันไป ไร้ร่องรอย หรือ มีร่องรอยต่างกัน
โดยพยายามทำให้แต่ละเหรียญมี ตำหนิต่างตำแหน่งไม่ซ้ำกัน เมื่อนั้น จำต้องใช้ความระมัดระวัง พึ่งพาเครื่อง X-ray Fluorescence Spectroscopy และ Microscopic Evaluation
หรือ พึ่งพาบริการรับตรวจสอบ จากบริษัทรับตรวจสอบ ความเที่ยงแท้ (Coin Authentication) เพราะ ทุกวันนี้ กระบวนการปลอมแปลงเช่นว่านี้ พบมากในกลุ่มเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน ยอดนิยม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหรียญกษาปณ์ ผลิตจากเครื่องจักรสมัยใหม่ จาก ค.ศ. 1800 ของหลายประเทศในเอเชีย ถูกทำปลอมมาก
ข้อสำคัญที่สุด ต้องมีข้อมูล ภาพถ่ายแสดงลายละเอียด ของเหรียญฯ แท้ เพื่อเปรียบเทียบจับผิด พึงหลีกเลี่ยงเงินโบราณ เช่น เงินพดด้วง เงินกำไล เงินเจียง เงินฮาง เงินผักชี เงินทอก เงินฮ้อย เหรียญฯ พยู ฟูนัน ทวารวดี ศรีเกษตร ฯลฯ
เพราะไม่มีมาตรฐาน ตรวจสอบยาก ไม่มีข้อมูลทางวิชาการให้ศึกษาอ้างอิง ปราศจากแคตตาล๊อค รายละเอียดและข้อมูลให้เปรียบเทียบอ้างอิงจับผิด ไม่เหมือนเหรียญฯ โบราณของประเทศทางซีกตะวันตก เกือบทุกประเทศล้วนมีสำนักกษาปณ์วิทยา ทำการศึกษาค้นคว้าจัดทำแคตตาล๊อค จำแนกรูปแบบ
บล๊อคพิมพ์ของแต่ละยุค แต่ละสมัย แต่ละถิ่น เพื่อนักสะสม และ นักศึกษาได้ศึกษาเปรียบเทียบจับผิด จึงไม่แปลกที่เหรียญฯ โบราณยุคแรกๆ นานแสนนาน ของกรีก และ โรมัน สามารถเปรียบเทียบ บอกได้ว่าเป็นเหรียญฯ จากถิ่นใด เหรียญฯ แท้ หรือ ปลอม
เหรียญกษาปณ์เงินโบราณ อาณาจักรพยู หรือ ฟูนัน พบทั่วไปในประเทศ เมียนมา ไทย กัมพูชา และ เวียดนาม
เหรียญกษาปณ์เงินโบราณ อาณาจักรท่าทน หงสาวดี หรือ ทวารวดี พบทั่วไปในประเทศ เมียนมา และ ไทย
เหรียญฯ เงินโบราณไม่มีแม่พิมพ์ (Dies) ที่แน่นอน พบเห็นได้ทั่วไป ยากที่จะแยกแยะ และ พิสูจน์ว่าเป็นเหรียญฯ แท้ หรือ เหรียญฯ ปลอม โดยทั่วไปเบื้องต้น สำหรับเหรียญเงิน ให้ใช้วิธีเคมี คือ ใช้ปากกาเคมีสำหรับตรวจ Gold Silver Platinum ที่มีขาย ป้ายที่พื้นผิวอ่านผลลัพธ์จากสีดำเข้ม ถ้าจะให้แน่ใจต้องป้ายซ้ำที่เดิมอีกครั้ง
หากชิ้นงานนี้ชุบเงิน พื้นผิวเนื้อเงินที่ถูกชุบจะถูกเคมีของปากกากัดเข้าถึงเนื้อในของโลหะ ผลลัพธ์ของสีจะเปลี่ยนไป ถ้าสงสัยว่าเหรียญชุบหนาต้องป้ายซ้ำพื้นผิวที่เดิมหลายครั้ง หรือ จะใช้กรดดินปะสิว (Nitric acid) หยดที่พื้นผิว ดูสีที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดงหรือแดงเข้ม บอกให้รู้ถึงเปอร์เซ็นต์เนื้อเงินแท้ หรือ มีโลหะอื่นผสม
หากแดงเข้มมากๆ แสดงว่ามีโลหะอื่นผสมมาก ถึงออกเป็นสีเทา ถ้าออกสีฟ้าหรือสีเขียวแสดงว่าเนื้อเงินผสมทองแดง เหรียญเงินโบราณปลอม ส่วนใหญ่ล้วนใช้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนปัจจุบัน ซึ่งเป็นคูโปรนิเกิล คือ มีทองแดง 75% นิเกิล 25% นำไปหลอม รีดตีให้บาง จากนั้นตอก หรือ ปั้มด้วยแม่พิมพ์
หากทดสอบด้วยกรดดินปะสิวจะออกสีน้ำเงิน
ทองคำตรวจด้วยกรดดินปะสิว หากเกิดฟองเดือดปุดๆ เป็นสีเขียวหรือสีเหลืองแสดงว่า ทองคำมีโลหะอื่นผสมอยู่มาก หรือ อาจจะเป็นทองชุบ แต่ถ้าไม่ปรากฏฟองปุดๆ หรือปฏิกิริยาใดๆ แสดงว่าเป็นทองคำแท้ ซึ่งการนี้ ถ้าเป็นเหรียญทองคำมีค่า ไม่สมควรตรวจสอบด้วยกรด ห้ามเด็ดขาด
เพราะกรดจะทำอันตรายต่อพื้นผิวของตัวเหรียญฯ ควรตรวจสอบ ด้วยเครื่อง XRF (X-ray Fluorescence Spectroscopy) เพื่ออ่านจำนวนส่วนผสม และ องค์ประกอบของโมเลกุลของเนื้อโลหะ ที่สะท้อนแสงจากผิวโลหะนั้น บอกเปอร์เซ็นต์ หรือ PPM ของทองคำ ทองแดง หากกะไหล่ หรือ ทองชุบ จะแสดงค่าของโลหะ อื่นๆ ตามมามากมาย
แต่ก็มีข้อจำกัด คือ ไม่สามารถอ่านทะลุเข้าถึงเนื้อในของตัวเหรียญฯ ได้ ต้องใช้ Digital Conductivity หรือ Ultrasonic thickness tester ตรวจอ่านหาค่าความถ่วงจำเพาะ ว่า เนื้อโลหะภายในกับเนื้อโลหะผิวภายนอก เป็นชนิดเดียวกัน เพื่อจับผิดเหรียญฯ ยัดใส้หุ้มด้วยแผ่นโลหะมีค่า กะไหล่ ชุบทอง หรือ เงิน ฯลฯ
เหรียญกษาปณ์เงิน Punch-marked แคว้นมคธ พระเจ้าพิมพิศาล - อะชาติศัตรู สมัยพุทธกาล ประเทศอินเดีย
เหรียญกษาปณ์เงิน Punch-marked ราชวงศ์โมรียะ สมัยพระเจ้าอโศก ประเทศอินเดีย
เหรียญกษาปณ์เงินฝังอยู่ในดินกว่าสองพันปี เมื่อแรกขุดพบถูกหุ้มด้วยสนิมขียวและสนิมแดงเป็นก้อนหนาเตอะ
เหรียญกษาปณ์เงิน Punch-marked แคว้นมคธ ประเทศอินเดีย ฝนให้เห็นเนื้อเงินติดสนิมเขียวและสนิมแดง
ตัวอย่างศึกษา เหรียญฯ เงินโบราณ สมัยพุทธกาลจากแคว้นมคธ อินเดีย เรียกว่า Janapadas
ฝรั่งเรียกว่า Punch-marked คือ เหรียญฯ ตอก ตีตราด้วยมือ หารูปแบบที่แน่นอนไม่ได้ อย่างไรก็ดี หากเป็นโลหะสีขาวได้ตรวจ และ แน่ใจว่าเป็นโลหะเงิน
ก็ต้องพิจารณาส่องกล้องตรวจรอยตราประทับ รูปแบบ พื้นผิว ขอบรอยเครื่องหมาย ต่างๆ
เหรียญโลหะอายุ 2,500 ปี ต้องไร้ความคมตามมุมขอบ จากสภาพกาลเวลาทางเคมี ฝังอยู่ในดิน ทราย หรือ เก็บในหม้อไหดินเผา ย่อมไม่พ้นความชื้น ซึ่งเป็นกรดอ่อนๆ โดยธรรมชาติโลหะเงินเมื่อถูกอากาศและความชื้น จะขึ้นผิวสีดำ
ยิ่งนานวันผิวจะยิ่งดำเข้ม หากถูกฝังดินนานกว่า 1,000 ปี จะเกิดสนิมสีเขียวเข้มเกาะผิวหนาเตอะและแข็งมาก ถ้ามากกว่า 2,000 ปี จะมีสนิมสีแดงมันปูเกาะปะปนสนิมสีเขียวเข้ม ดังภาพที่ได้นำเสนอข้างต้น
เหรียญกษาปณ์ทองแดง พระเจ้าขะนิสกะ อาณาจักรคุชชาน ประเทศอินเดีย พระพุทธเจ้า SAKAMANO BOYDO อายุ 2,000 ปี เนื้อทองแดงติดสนิมเขียวและแดง
เหรียญโลหะทองแดงหากถูกฝังดินนานกว่า 1,000 ปี จะเกิดสนิมแดงและสนิมเขียวเข้มเกาะหุ้มผิว แข็งแน่นหนาเตอะ
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ขัดเงา ประเทศอินเดีย 2 โมเฮอร์ ยุคอาณานิคมอังกฤษ ผลิตใหม่ทำซ้ำจากแม่พิมพ์เดิมเคยใช้ผลิตเหรียญฯ ทองคำ
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ขัดเงา ประเทศอินเดีย 1 รูปี ยุคอาณานิคมอังกฤษ ผลิตใหม่ทำซ้ำจากแม่พิมพ์เดิมเคยใช้ผลิตเหรียญฯ เงิน
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ขัดเงา ประเทศอินเดีย 1/2 รูปี ยุคอาณานิคมอังกฤษ ผลิตใหม่ทำซ้ำจากแม่พิมพ์เดิมเคยใช้ผลิตเหรียญฯ เงิน
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ขัดเงา ประเทศศรีลังกา 5 เซ็นท์ ยุคอาณานิคมอังกฤษ ผลิตใหม่ทำซ้ำจากแม่พิมพ์เดิมเคยใช้ผลิตเหรียญฯ ทองแดง
สิ่งหนึ่งพึงเข้าใจ อย่าได้มองข้ามประเทศที่เคยเป็นเจ้าอาณานิคมผลิตเหรียญกษาปณ์ใช้ในเขตอาณานิคมของตน ซึ่งเป็นผู้เก็บรักษาแม่พิมพ์เหรียญฯ เหล่านั้น มีให้พบเห็นบ่อยครั้ง เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในยุคอาณานิคมบางประเทศ เช่น คิวบา โบริเวีย เม็กซิโก ศรีลังกา อินเดีย และ อดีตประเทศมหาอำนาจ เช่น
สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สเปน ออสเตรีย ฮังการี่ ถูกผลิตทำซ้ำ (Restrike) ใช้แม่พิมพ์เดิมปั้มเหรียญทองคำ ซี่งบางประเทศจะทำเครื่องหมาย ตอกตัวอักษร R หรือ เช่น ประเทศสเปนจะตอก ค.ศ. ที่ผลิตใหม่นี้เป็นตัวเลขจิ๋ว กำกับเหรียญฯ นั้นๆ โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการผลิตเป็นเหรียญฯ
ขัดเงา (Proof) สำหรับนักสะสม ซื้อขายในตลาดด้วยราคาสูง ทั้งที่เหรียญฯ เดิมก่อนหน้านั้นในอดีต ได้เคยผลิตตามปรกติจากโลหะเงิน หรือ ทองแดง ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่เหรียญฯ ผลิตทำซ้ำหรือทำใหม่เหล่านี้ จะถูกกำหนดให้มีความแตกต่างอย่างมีนัย และทรงคุณค่ากว่าของเดิม โดยใช้โลหะมีค่า
ขัดเงา ผลิตจำนวนจำกัด
เหรียญกษาปณ์ เงิน และ ทอง โบราณ กอปปี้ด้วยวิธี Electrotype จาก British Museum, London และ Etienne Bourgery, Paris.
เหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้าขะนิสกะ อาณาจักรคุชชาน พระพุทธเจ้า BODDO ของ British Museum AN783671001
เหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้าขะนิสกะ อาณาจักรคุชชาน พระพุทธเจ้า BODDO กอปปี้ ด้วยวิธี Electrotype จาก British Museum
การนี้ หากมองในแง่วิชาการด้านกษาปณ์วิทยาย่อมเป็นการดี เพราะเหรียญฯ แท้ที่มีค่าย่อมหาดูได้ยากอยู่แล้ว เมื่อก่อนนี้ พิพิธภัณฑสถานหลายแห่งจะผลิตเหรียญฯ เลียนแบบด้วยวิธี Electrotype โลหะเงิน หรือ ทองคำ จากเหรียญฯ ต้นแบบ โดยการนำชิ้นงานที่ถูกทำขึ้น ด้านหน้า และ ด้านหลัง ปะกบกันด้วยการเชื่อมขอบเหรียญฯ
เทใส้ในถ่วงน้ำหนักด้วยตะกั่ว ทำเครื่องหมายด้วยการปั๊ม หรือ ตอกคำว่า Replica ที่ขอบเหรียญฯ เช่น บริติช มิวเซียม (British Museum) ประเทศอังกฤษ จะปั๊ม หรือ ตอกที่ขอบเหรียญฯ ด้วยตัวอักษร RR เพื่อให้รับรู้ และ เห็นความแตกต่างว่าไม่ใช่เหรียญฯแท้ ทำขึ้นเพื่อเป็นชิ้นงานจำลองจากของแท้เพื่อการศึกษา
และจัดแสดงในที่สาธารณะ หรือในพิพิธภัณฑ์ หากเหรียญฯ หายากถูกจัดแสดงด้านหน้าและด้านหลังเปรียบเทียบเคียงข้างกัน นั่นคือ Electrotype coins ปรกติเหรียญแท้แสดงได้ทีละหน้า เว้นแต่วางแผ่นกระจกเงาเพื่อแสดงภาพสะท้อนจากด้านหลังของตัวเหรียญ
เหรียญฯ ที่ได้ทำซ้ำใหม่ด้วยโลหะชนิดเดิม (Restrike) หรือ โลหะที่ต่างออกไปจากเดิม (Off-strike) จากแม่พิมพ์ดั้งเดิม ถือเป็นเหรียญฯ แท้ ผลิตทำขึ้นมาใหม่เพื่อการค้า สะสม ฯลฯ นี้ จะเชื่อได้อย่างไรว่า มีจำนวนมากน้อยเท่าใด ! เหรียญฯ ดั้งเดิมที่เคยมีมาก่อนหน้านี้ อนาคตจะยังทรงคุณค่าหรือไม่ ผู้ที่คิดจะสะสมเหรียญฯ มีค่า
ควรได้ศึกษาและทำความเข้าใจในเรื่องนี้ให้ดี
เหรียญกษาปณ์ทองคำ ขัดเงา ประเทศสยาม รัชการที่ 5 ชนิด ๕ สตางค์ ร.ศ. ๑๒๗ ผลิตจากประเทศเบลเยี่ยม
เหรียญกษาปณ์นอกระบบ เช่นเหรียญฯ ต้นแบบ ทีไม่เคยผลิตออกมาใช้หมุนเวียน หรือ เหรียญฯ ที่ผลิตจากโลหะอื่นที่ต่างไปจากโลหะปรกติ อาจจะเข้าข่ายผลิตทำซ้ำ คือ ทำซ้ำจากแม่พิมพ์เดิมทีมีอยู่
ดังตัวอย่าง เหรียญกษาปณ์ทองคำรัชการที่ 5 ราคาหน้าเหรียญ ๕ สตางค์ ร.ศ. ๑๒๗ ผลิตจากแม่พิมพ์เหรียญกษาปณ์นิเกิล ๕ สตางค์ จากประเทศเบลเยี่ยม เมื่อแรกเป็นเหรียญฯ ตัวอย่างส่งมาให้ผู้ว่าจ้างในประเทศสยาม แต่เหรียญฯ
แบบเดียวกันนี้ได้มีการนำออกประมูลขายที่ ฮ่องกง นิวยอร์ค และ ยุโรป เคยปรากฏมีเหรียญกษาปณ์ทองคำแบบเดียวกันนี้ ประมูลขายเป็นเหรียญฯ ทองคำ จัดเป็นชุดประกอบด้วย เหรียญฯ ๑๐ สตางค์ ๕ สตางค์ และ ๑ สตางค์ อย่างละหนี่งเหรียญ
ทุกวันนี้ การสะสมเหรียญกษาปณ์เป็นช่องทางการลงทุนรูปแบบหนึ่งของนักธุรกิจ พุ่งเป้าไปที่เหรียญฯ ยอดนิยมหายาก ส่วนใหญ่เป็นเหรียญฯ ทองคำ ในเมื่อทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าราคาแพง และนับวันจะมีราคาเพิ่มค่าขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถูกใช้ในภาคอุตสาหกรรมอีเลคทรอนิกส์
อุปกรณ์เทคโนโลยีทางด้านดิจิตัล มีความต้องการใช้ทองคำในปริมาณมาก จึงไม่แปลกที่มีการนำแม่พิมพ์เหรียญฯ ยอดนิยม ผลิตทำซ้ำ เหรียญฯ ทองคำขัดเงา และเสริมคุณค่า ขายพร้อมประกาศนียบัตรกำกับรับรองจากโรงกษาปณ์ผู้ผลิต ส่วนใหญ่เป็นแม่พิมพ์เหรียญดั้งเดิมที่เคยใช้ผลิตมาก่อนเมื่อกว่า 200 ปีที่ผ่านมา
เหรียญที่ระลึก แบบ 1 ขนาด 72 มม. พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 รับคณะทูตสยาม เหรียญฯ แท้ดั้งเดิม
เหรียญที่ระลึก แบบ 1 ขนาด 72 มม. พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 รับคณะทูตสยาม ผลิตใหม่ทำซ้ำด้านหน้าต่างพิมพ์ ด้านหลังพิมพ์เดิม มีขายที่ www.cgb.fr
เหรียญที่ระลึก แบบ 2 ขนาด 41 มม. พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 รับคณะทูตสยาม เหรียญฯ แท้ดั้งเดิม
เหรียญที่ระลึก แบบ 2 ขนาด 41 มม. พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 รับคณะทูตสยาม เหรียญฯ ผลิตใหม่ทำซ้ำ ด้านหน้าต่างพิมพ์ ด้านหลังพิมพ์เดิม มีขายที่ www.cgb.fr
เหรียญฯ ที่ระลึกการเจริญสัมพันธ์ไมตรีทางการทูตของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 มหาราชแห่งราชอาณาจักร์ฝรั่งเศส กับ ราชอาณาจักรสยามสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เนื้อเงิน เหรียญแท้ดั้งเดิม แบบ 1 ขนาด 72 มม. หายากมาก เป็นที่ต้องการของนักสะสม ถูกประมูลขายโดย Stack & Bower's Galleries เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2556 ได้ราคากว่าห้าแสนบาท
เมื่อปี พ.ศ. 2510 เป็นต้นมา สำนักกษาปณ์ฝรั่งเศส กรุงปารีส Paris Mint ได้นำเหรียญดั้งเดิมสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 จำนวนมาก หนึ่งในนั้น มีเหรียญฯ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ขณะออกรับคณะทูตสยาม ขนาด 72 มม. และ ขนาด 41 มม. ปั๊มเหรียญฯ พร้อมกล่องเพื่อการค้าเป็นของที่ระลึก (Souvenir) สำหรับนักท่องเที่ยวเลือกซิ้อ มีขายทั่วไป
เหรียญฯ กลุ่มนี้ไม่เข้าข่ายทำซ้ำ (Restrike) เพื่อการสะสม เนื่องจากไม่ได้ใช้แม่พิมพ์ดั้งเดิม และ ไม่มีการควบคุมจำนวนผลิต ที่สำคัญ คือ ผู้ผลิตมีความรับผิดชอบ และ ตั้งใจให้ต่างไปจากพิมพ์ดั้งเดิมอย่างมีนัย โดยการสำเนา (Copy) กัดพิมพ์ขึ้นมาใหม่จากแม่แบบเดิมด้วยเครื่องจักร แน่นอน วิธีทำสำเนาแบบนี้จะไม่สามารถเก็บรายละเอียดลายเส้นบางๆ
ได้ทั้งหมด ในขณะเดียวกัน หลังจากที่ได้กัดแม่พิมพ์ขึ้นรูปเรียบร้อยแล้วต้องนำมาขัดเกลา ผลก็คือ พิมพ์จะไม่มีความคมชัดเท่าเหรียญฯ แท้ดั้งเดิม การนี้น่าจะเรียกว่าทำใหม่เพื่อการค้า (Reproduction) จากนั้น ยังมีการตอกทำเครื่องหมายที่ด้านข้าง (Edge) ของตัวเหรียญ บอกชนิดโลหะ เพื่อให้รับรู้ว่าทำขึ้นใหม่ ซึ่งมีกระบวนการผลิตคร่าวๆ ดังนี้
ภาพจาก Internet
สร้างแม่พิมพ์ตัวใหม่ถอดแบบ สำเนา (Copy) จากเหรียญฯ ต้นแบบเดิมด้วยเครื่องจักร์
ภาพจาก Internet
ตัวเหรียญเปล่าซึ่งมีขนาดใหญ่และหนา จำต้องปั๊มขึ้นรูปหลายครั้งจากแม่พิมพ์ที่ได้สร้างขึ้นใหม่
ภาพจาก Internet
นำเหรียญฯ ที่ได้ปั๊มขึ้นรูปแล้ว เป่าร้อนให้พื้นผิวอ่อนตัว เพื่อปั๊มขึ้นลายละเอียดต่อไป
ภาพจาก Internet
เหรียญฯ ที่ได้ผ่านขั้นตอนการปั๊มขึ้นลายเรียบร้อย สุดท้ายกลึงกรอบปรับขนาด ตอกเครื่องหมาย
ภาพจาก Internet
เพื่อความเรียบร้อยสวยงาม ต้องขัดเงาด้วยผ้าใบ เคลือบผิว ก่อนบรรจุลงกล่องเพื่อขาย
นักสะสมเหรียญฯ ศึกษาได้จากการเสนอขายบนเวบไซต์ในยุโรป หรือ ที่ www.cgb.fr เหรียญฯ ที่ระลึก พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ออกรับคณะทูตสยาม (โกษาปาน) แบบ 1 ผลิตทำซ้ำเพื่อการค้าขนาด 72 ม.ม. และขนาด 41 มม. โลหะเนื้อเงิน ราคาประมาณ 300 ยูโร ส่วนเนื้อบรอนซ์ กะไหล่ ทอง เงิน และไม่กะไหล่ ฯลฯ ราคาประมาณ 65 - 150 ยูโร
อนาคตอันใกล้นี้ ทุกประเทศในโลกจะเข้าสู่ระบบ สังคมไร้เงินสด (Cashless society) คือ จะไม่มีการผลิตเหรียญกษาปณ์ใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โรงกษาปณ์ทั้งหลายคงไม่ยอมอยู่นิ่ง จะหันมาผลิตเหรียญที่ระลึกในโอกาสต่างๆ เพื่อการสะสม ดังนั้น เหรียญฯ ที่เคยหายาก มีชื่อเสียง
หรือ เหรียญฯ ต้นแบบไม่เคยผลิตสู่การหมุนเวียน อาจจะถูกนำแม่พิมพ์เดิมมาผลิตทำซ้ำในรูปของเหรียญที่ระลึก เหรียญทองคำขาว เหรียญทองคำ เหรียญเงิน ขัดเงา เพื่อการสะสม จึงไม่แปลกที่ขณะนี้ มีนักสะสมเหรียญกษาปณ์หน้าใหม่จำนวนมากต่างขวนขวายเสาะหาเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน และ เหรียญที่ระลึกแต่ละวาระ และ โอกาสต่างๆ ส่วนนักสะสมมืออาชีพทั่วโลกกลับหันไปสะสม
เหรียญฯ โบราณที่ตอก หรือ ตีตราด้วยมือ เพื่อหลีกเลียงเหรียญฯ ทำใหม่จากการทำซ้ำ (Restrike) จากแม่พิมพ์ดั้งเดิม (Original Dies) ซึ่งอาจจะมีการกระทำในอนาคต เพื่อเติมเต็มความต้องการของนักสะสม ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้เหรียญฯ โบราณโดยรวมมีราคาซื้อขายเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
ดังตัวอย่าง เหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้าจาหังกีร์ (Jahangir) ราชวงศ์โมกุล ประเทศอินเดีย โมเฮอร์ (Mohur) ปีที่ผลิต ค.ศ. 1623 น้ำหนัก 10.93 กรัม ขนาด 21 มม. รูปจักรราศี มกร แพะ (Capricorn)
ค.ศ. 1971 ราคาซื้อขาย 700 US$
ค.ศ. 1980 ราคาซื้อขาย 1,500 US$
ค.ศ. 2011 ราคาซื้อขาย 10,000 US$
จากนั้น ค.ศ. 2015 เป็นปีที่ผู้คนเริ่มรับรู้ สังคมไร้เงินสด
ราคาซื้อขาย กระโดดไปที่ 475,000 US$ จากการประมูลขายที่ CNG New York sell
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ CNG Lot number: 2407 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ทองคำ จักรราศี มกร (Capricorn)
ของพระเจ้า Jahangir แห่ง ราชอาณาจักรโมกุล อินเดีย โดย Classical Numismatic Group, New York. Auction Triton XIX.
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่งราชวงศ์โมกุล อินเดีย เหรียญจักรราศี มกร (Capricorn)
Sale: TRITON XIX; Lot: 2407, Estimate 20,000 US$.
Sold for 475,000 US$. This amount does not include the buyer's fee.
INDIA, Mughal Empire. Nur al-Din Muhammad Jahangir. AH 1014 - 1037 / AD 1605 - 1627. AV Mohur (21 mm. 10.93 g. 7 h). Zodiac type, Agra mint. Dated AH 1032
(5 November AD 1622-24 October AD 1623) and RY 17 (15/24 October AD 1621 - 14/23 October AD 1622). Constellation of Vahlik/Makara (Capricorn the Goat): sea-goat left;
radiate sun behind; Zar Zewar dar Agra ruye yaft az Jahangir Shah Akbar Shah (Receive ornament on gold at Agra from Jahangir Shah (son of Akbar Shah) in Persian verse;
RY and AH dates to left. Good VF, hint of deposits, minor field marks on obverse.
From the collection of Dr. Lawrence A. Adams, purchase from M. Louis Teller, June 1981.
เส้นกราฟสีเหลืองแสดงราคาซื้อขายเหรียญฯ ทองคำ จักรราศีพระเจ้า Jahangir แห่งราชวงศ์โมกุล อินเดีย
กราฟแสดงการเคลื่อนไหวราคาซื้อขายเหรียญกษาปณ์ทองคำ จักรราศีพระเจ้า Jahangir ราชวงศ์โมกุล ประเทศอินเดีย จากหนังสือแจ้งข่าวของบริษัท Spink London ฉบับ Spink Insider, Autumn 2019, Issue 34.
จากเส้นกราฟดังกล่าว เมื่อ ค.ศ. 2008 (พ.ศ. 2551) เกิดวิกฤตแฮมเบอเก้อในประเทศอเมริกา ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำกระทบไปทั่วโลก หลายประเทศต่างอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดเงินเฟ้อไปทั่ว จากนั้นเศรษฐกิจโลกเริ่มเข้าสู่ระบบสังคมไร้เงินสด
ผลที่ตามมา คือ เหรียญกษาปณ์โบราณกลายเป็นสิ่งพึงแสวงหาของเหล่านักสะสม การซื้อขายในตลาดการประมูล จึงมีราคาพุ่งสูงขึ้นมากเป็นประวัติกาล ไม่เว้นแม้แต่ภาพเขียน งานศิลป เพชร ของประดับมีค่า นาฬิกาหรู ฯลฯ ล้วนมีราคาประมูลซื้อขายสูงมากๆ
แนวคิดการเลือกสะสมเหรียญฯ คาดหวังคุณค่าและราคาสูงในอนาคต
นักสะสมมักจะให้ความสำคัญและสนใจเหรียญฯ ที่คนส่วนใหญ่นิยมเพราะความหายาก ยึดราคาซื้อขายของตลาดเป็นตัวกำหนด น้อยนักที่จะศึกษา รับรู้ประวัติ เหตุผลการผลิต และ ผลลัพธ์ต่างๆ ฯลฯ
เหรียญที่ระลึก สงครามฝิ่น NANKING 1842
หลังจากที่กองกำลังอังกฤษได้ทำสงครามกับรัฐบาลจีน (ค.ศ. 1839 - 1842) จากมูลเหตุแห่งฝิ่น หรือ ที่เรียกว่า สงครามฝิ่น (Opium War) ซึ่งฝ่ายกองกำลังอังกฤษเป็นฝ่ายชนะ และ ได้ออกเหรียญที่ระลึก NANKING 1842
ด้านหน้าของเหรียญ เป็นรูปพระนางเจ้าวิคตอเรีย จักรพรรดินีแห่งอังกฤษ ด้านหลังของเหรียญฯ เป็นรูปสิงโตแห่งเกรท์บริเตนยืนขย้ำมังกรตัวใหญ่ยอมสยบสิโรราบ มังกรตัวนี้หมายถึงประเทศจีน เหรียญนี้เป็นที่กระหยิ่มและทนงของผู้ที่เป็นฝ่ายชนะ
ทว่าเป็นที่น่าอดสูของผู้แพ้ และ ยิ่งน่ารันทดเข้าไปอีก เมื่อเกิดสงครามฝิ่นครั้งที่สอง (ค.ศ. 1856 - 1860) กองกำลังของอังกฤษได้เข้าปล้นสะดม งานศิลปะ โบราณวัตถุ เข้ายึด ทำลาย และ เผาพระราชวังฤดูร้อนในกรุงปักกิ่งจนราบคาบ
ก่อนนี้ ผู้คนไม่ค่อยให้ความสนใจเหรียญนี้มากนัก เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป หลายประเทศเจริญมั่งคั่ง ผู้คนอยู่ดีกินดี มีความรู้สนใจศึกษา รับรู้อดีตที่เคยรุ่งเรือง หรือ ขมขื่น ไม่ว่าผู้ที่เคยเป็นผู้พิชิต หรือ ผู้แพ้ในอดีต ชาวจีน ชาวฮ่องกง ตลอดจนชาวอังกฤษ
ต่างให้ความสนใจเสาะหาเหรียญฯ นี้ กลายเป็นเหรียญมีราคาสูงและหายาก
เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าไปมากเพียงไร ผู้คนย่อมได้รับความสะดวกสบายมากปานนั้น ต่างรับรู้ความเป็นอยู่ในอนาคต ย่อมอยากรู้ที่มาในอดีต จึงไม่แปลกที่ผู้คนยุคนี้สนใจ บรรพชีวิน สัตว์ดึกดำบรรพ์ มนุษย์โบราณ และประวัติศาสตร์ ทำให้เหรียญที่มีประวัติ หรือ ที่เกี่ยวของกับประวัติศาสตร์
ได้รับความสนใจ มีราคาสูงขึ้น และ เป็นที่ต้องการของนักสะสม ตัวอย่างมีให้เห็นมากมาย ศึกษาได้จากหนังสือที่มีชื่อเสียง Gold Coins of the World complete from 600 A.D. to the present
โดย Robert Friedberg พิมพ์จำหน่ายครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1958 ปรับปรุงใหม่ทุกๆ 6 ปี เป็นหนังสือยอดนิยมอ้างอิง ของ นักศึกษา นักสะสม นักธุรกิจเหรียญกษาปณ์ และ นักกษาปณ์วิทยา
เหรียญที่ระลึก สันติมาลา (ศานติมาลา)
พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร มหาอานันทมหิดล ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ตราพระราชบัญญัติเหรียญศานติมาลา พุทธศักราช ๒๔๘๙ ตราไว้ ณ วันที่ ๑๖ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ ให้สร้างเหรียญราชอิสสริยาภรณ์ ศานติมาลา (ศม) สำหรับพระราชทานเพื่อสนองคุณงามความดี
และ เป็นกิติยานุสรณ์แก่ผู้ซึ่งได้กระทำการต่อต้านผู้รุกราณ และ ยอมเสียสละทุกอย่าง ทำการแก้กลับการร้ายให้กลายเป็นดี ยังผลให้ประเทศไทยบรรลุถึงซึ่งสันติภาพ และ คงธำรงไว้ซึ่งเอกราชและอธิปไตย มี ๒ ชนิด ชนิดสามัญมีลักษณะเป็นเหรียญดีบุกรูปไข่ ด้านหน้ามีรูปไอราพด
ด้านหลังจารึกคาถาเป็นอักษรไทยและอักษรโรมันว่า "นัตฺถิ สนฺติ ปรํ สุขํ" "NATTHI SANTI PARAM SUKHAM" พร้อมกับแพรแถบสีแดงกว้าง ๔๐ มิลลิเมตร ตรงกึ่งกลางของแพรแถบ มีริ้วสีน้ำเงินกว้าง ๔ มิลลิเมตร และ มีริ้วสีขาวกว้างข้างละ ๒ มิลลิเมตร
ประกบ ๒ ข้างริ้วสีน้ำเงิน ชนิดพิเศษมีลักษณะเช่นชนิดสามัญแต่เป็นเหรียญเงิน และ เหนือเหรียญขึ้นไปมีดาบดั้งทำด้วยเงินไขว้กันประกอบอยู่ด้วย ประดับอกเสื้อเบื้องซ้าย สำหรับสตรีให้ผูกเป็นรูปแมลงปอประดับเสื้อที่หน้าบ่าซ้าย
เหรียญนี้พระราชทานให้เป็นกรรมสิทธิ์ เมื่อผู้ไดัรับวายชนม์ให้ทายาทโดยธรรม รักษาไว้เป็นที่ระลึก ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายปรีดี พนมยงค์ นายกรัฐมนตรี (ในขณะนั้น)
รัฐบาลตั้งใจที่จะมอบเหรียญฯ นี้เพื่อตอบแทนคุณงามความดีแก่เหล่าเสรีไทย และ บรรดานายทหารแห่งกองทัพอังกฤษในฐานที่ตั้ง ณ ประเทศอินเดีย ประเทศลังกา และ นายทหารอเมริกันในประเทศสหรัฐอเมริกา
ที่ได้ใหัความช่วยเหลือในการจัดตั้งหน่วยรบ ยุทธปัจจัย ฝึกอบรม นำส่งเล็ดลอดเข้ามาสอดแนม เพื่อการประสานงานกับกลุ่มเสรีไทยใต้ดินในประเทศไทย เพื่อการกู้ชาติ เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งประเทศไทยถูกยึดครองโดยกองทัพญี่ปุ่น
ข้อความต่อไปนี้ คัดลอกมาบางส่วน จากเว็บไซต์ของสำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์
...... แต่เมื่อจัดสร้างเสร็จแล้ว ยังไม่ทันที่จะมีพิธีแจกเหรียญอย่างสมเกียรติ ก็เกิดการรัฐประหารอันเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของประวัติศาสตร์การเมืองไทยขึ้นเสียก่อนในวันที่
๘ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๙๐ นายควง อภัยวงศ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในยุคนั้น ตัดสินใจ "รับเชิญ" จากคณะทหารขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่ระยะหนึ่งก่อนที่จะจำใจ "รับเชิญ" ให้ลาออกในเวลาไม่นาน แต่ระหว่างที่บริหารประเทศอยู่นั้น รัฐบาลนายควง อภัยวงศ์
ได้สั่งระง้บการแจกเหรียญสันติมาลา และสั่งให้เอาเหรียญดังกล่าวที่ทำไว้เสร็จสรรพแล้วส่งให้กองกษาปณ์ กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง ยุบหลอมทำเป็นเหรียญสลึง เหรียญห้าสิบสตางค์ ใช้ไปให้หมด ........
เป็นที่น่าอดสู ผู้คนที่ได้ทำหน้าที่เสียสละ ต่อต้านการยึดครองของกองทัพญี่ปุ่นนาม เสรีไทย สมควรจะได้รับเหรียญสันติมาลานี้ แต่กลับถูกผู้ที่มิได้เป็นเสรีไทยแต่มีอำนาจ สั่งหลอมทำลาย ........ ในอนาคต จากสำนึกชาตินิยม และ
ความภาคภูมิใจเสรีไทยในอดีต เหรียญสันติมาลานี้ จะเป็นที่ต้องการเสาะหา
ขอนำเสนอเหรียญฯ ใกล้ตัวหาได้ง่าย เป็นตัวอย่างกรณีศึกษา วิเคราะห์และประเมินคุณค่าในอนาคต
เหรียญ พระบิดาแห่งฝนหลวง
เหรียญ พระบิดาแห่งฝนหลวง เป็นเหรียญที่ระลึกการกำเนิดและพระราชทานฝนหลวง แก่ภูมิภาคต่างๆ ในประเทศไทยที่ประสพภาวะขาดแคลนน้ำในฤดูแล้ง ยังประโยชน์อย่างมหาศาลแก่เกษตรกรให้มีน้ำทำเกษตรกรรม
ผู้คนและสัตว์เลี้ยงในถิ่นธุระกันดารได้มีน้ำเพียงพอเพื่อการอุปโภคและบริโภค
เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า โลกกำลังเข้าสู่ภาวะโลกร้อน นับวันความแห้งแล้งขาดแคลนน้ำดื่มน้ำใช้จะทวีความรุนแรง ก่อให้เกิดปัญหาและความเดือดร้อนไปทั่ว แม้นบางท้องที่อาจจะแก้ปัญหาด้วยการขุดบ่อบาดาล แต่ก็ไม่เสมอไปที่จะประสบผล เพราะเกือบทุกพื้นที่ล้วนมีระดับน้ำใต้ดินต่ำมากยากต่อการหวังผล
ภาวะความแห้งแล้งเหล่านี้ แก้ไขได้วิธีเดียว คือ การทำฝนเทียม
ในอนาคต ผู้คนที่ได้รับประโยชน์จากการทำฝนเทียม หากได้รับรู้ เหรียญ พระบิดาแห่งฝนหลวง ย่อมจะมีความประทับใจใคร่แสวงหา เพราะเหรียญฯ นี้ มีประวัติ
เหรียญ มหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฏราชกุมาร
วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2515 ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ทรงพระราชพิธีสถาปนา สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด คือ มีผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์จำนวน 4 คน
ได้บุกเข้ายึดสถานทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ที่ กรุงเทพฯ และได้จับเจ้าหน้าที่สถานทูตเป็นตัวประกัน เพื่อต่อรองกับรัฐบาลไทย เหตุการณ์นี้ ก่อให้เกิดความโกลาหลเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก แต่พระราชพิธีในวัดพระศรีรัตนศาสดารามก็ยังคงดำเนินต่อไป ไม่สะทกสะท้านต่อเหตุการณ์ดังกล่าว รัฐบาลไทยในขณะนั้นได้แต่งตั้งให้พลอากาศเอก
ทวี จุลทรัพย์ กับพวก ทำหน้าที่เจรจาต่อรองกับผู้ก่อการร้ายฯ ที่หน้าสถานทูตอิสราเอล
ตกบ่าย พระราชพิธีสถาปนาสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร เสร็จพิธี ในขณะเดียวกัน ด้านผู้ก่อการร้ายฯ กับคณะผู้เจรจาจากฝ่ายไทยก็สามารถตกลงกันได้ คือ ยินยอมปลดอาวุธ และ ออกจากสถานทูตอิสราเอลอย่างไม่มีเงื่อนไข โดยรัฐบาลไทยได้จัดเครื่องบินการบินไทยนำผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ทั้ง 4 คน
โดยมี พลอากาศเอก ทวีจุลทรัพย์ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อีก 3 นาย ร่วมเดินทางบินเป็นเพื่อนเพื่อส่งผู้ก่อการร้ายฯ ไปยังกรุงไคโร ประเทศอียิปต์
เหตุการณ์นี้ สร้างความประหลาดใจแก่ชาวโลก เพราะทุกครั้งที่ผู้ก่อการร้ายชาวปาเลสไตน์ไปปฏิบัติการ ไม่ว่าที่ใดในโลกจะยุติหรือจบลงด้วยความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สิน จากนั้น จะตามมาด้วยการจับกุมคุมขัง และ ความอาฆาตมาดร้าย เหตุการณ์นี้ผู้ก่อการร้ายฯ ได้ผลงานจากความสำเร็จเชิงสัญลักษณ์ และได้เดินทางกลับบ้านอย่างมีเกียรติ
ส่วนประเทศไทยได้รับคำชมจากชาวโลกว่า มีชั้นเชิงและความสามารถในการเจรจาด้วยสันติวิธี ไม่เสียเลือดเนื้อ และไม่มีความขุ่นข้องหมองใจกับฝ่ายผู้ก่อการร้าย ฝ่ายรัฐบาลอิสราเอลก็มิได้รับความเสียหายแต่ประการใด ให้ความขอบคุณและชื่นชมในความสามารถของรัฐบาลไทย นี่คือ ประวัติศาสตร์เบื้องต้นของ
เหรียญ มหาวชิราลงกรณ์ สยามมกุฎราชกุมาร
จากนั้นมา เหรียญนี้ถูกเขย่าด้วยปัญหาทางการเมือง สังคมเกิดความขัดแย้งทางความคิด ขาดความสามัคคี แตกแยกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นกลุ่มสีเหลือง สีชมพู และสีแดง ต่างขัดขวางปะทะ และ ต่อสู้กันเอง ก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิต และ ทรัพย์สิน การพัฒนาประเทศหยุดชงัก เศรษฐกิจถดถอย เกิดข่าวลือ ยุยง ปลุกปั่น ใส่ร้าย ป้ายสี
และ ต่อต้าน ....... สะพัดไปทั่ว ปัญหาเหล่านี้สร้างความท้อแท้เบื่อหน่ายแก่สุจริตชน จากนั้นในที่สุด...... บ้านเมืองถูกจัดระเบียบและปฏิรูปเป็นการใหญ่ ทุกหมู่เหล่าร่วมกันเข้าสู่กระบวนการปรองดอง และ พัฒนาชาติไทย จากความตกต่ำ ก้าวไปสู่ความรุ่งเรือง รัชกาลที่ 10 ศรีวิไลย์
ไม่มีเหรียญฯ ใดที่เกี่ยวของกับประวัติศาสตร์ได้มากเพียงนี้
เสน่ห์ และ คุณค่าของเหรียญฯ อยู่ที่ประวัติศาสตร์ในอดีต ความหายากมากน้อยขึ้นอยู่กับจำนวน ความนิยมและความต้องการเป็นตัวกำหนดราคาในอนาคต
ประโยคข้างต้นนี้หากมองผิวเผินเสมือนเข้าใจง่าย พิจารณาให้ดี เมื่อเร็วๆ นี้ ธนาคารแห่งประเทศไทยได้พิมพ์ธนบัตรทุกชนิดราคา 20 บาท 50 บาท 100 บาท 500 บาท และ 1,000 บาท เพื่อเป็นอนุสรณ์ชุดสุดท้ายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ผู้คนล้วนเก็บสะสมกันถ้วนหน้า จำนวนมากน้อยตามกำลังทรัพย์ และ ศรัทธาของแต่ละบุคคล
เชื่อใหมว่า ธนบัตรชนิดราคา 20 บาท 50 บาท และ 100 บาท ถูกแลกเก็บเป็นจำนวนมากที่สุด
ลองจินตนาการ อนาคตสามสิบปี สี่สิบปีข้างหน้า เศรษฐกิจประเทศไทยโตตามประชากร ค่าครองชีพสูง รายได้มวลรวมของประชาชาติเทียบเท่าประเทศที่เจริญแล้ว ภาวะสังคมไร้เงินสดทำให้เหรียญกษาปณ์ เหรียญที่ระลึก และ ธนบัตรเก่ามีราคา เวลานั้นใครก็ตาม หากจะรวบรวมเก็บธนบัตรชุดสุดท้ายของรัชกาลที่ 9 ให้ครบชุดทุกชนิดราคา
แน่นอน ส่วนใหญ่จะต้องเสาะหาธนบัตรชนิดราคา 500 บาท และ 1,000 บาท เนื่องจากหายากเพราะมีผู้เก็บสะสมน้อย ในเมื่อเราเป็นนักสะสมเพื่อการลงทุน หรือ นักเก็งกำไรในอนาคต ต้องยึดหลัก อุปสงค์และอุปทาน (ขณะนี้ พ.ศ. 2560) แน่นอนต้องเก็บธนบัตรชนิดราคา 500 บาท และ 1,000 บาท ชุดสุดท้ายของรัชกาลที่ 9 ให้มากเข้าไว้
ต้องมีสติประเมินให้ดี เราอยู่ในยุคสื่อสารไร้พรมแดน รู้ทันทั่วถึงกันหมด ของแพงสูงค่าหากผลิตจำนวนน้อยย่อมจะมีราคาสูง ศึกษาได้จากจำนวนเหรียญกษาปณ์ที่ระลึกทองคำ ของสำนักกษาปณ์กระทรวงการคลัง ในอดีต ก่อนปี พ.ศ. 2555 ได้เคยออก และ รับใบสั่งจองเหรียญฯ ที่ระลึกตามวาระ และ โอกาสต่างๆ แต่ไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าที่ควร ยอดสั่งจองมีน้อย จึงผลิตจำนวนน้อยตามใบจอง
แน่นอนในอนาคตเหรียญฯ เหล่านั้น จะเป็นของหายากและมีราคาสูง
เมื่อเกิดกระแสสังคมไร้เงินสดกระเพื่อมไปทั่วโลก ปรากฏการณ์ที่เห็นเด่นชัด คือ นักสะสมและนักลงทุนที่มีเงิน ต่างให้ความสนใจเหรียญฯ มีค่า สืบเสาะซื้อหาเก็บสะสมดั่งกระแสตื่นทอง กระตือรือล้นชิงสั่งจอง จนทางการต้องจำกัดสิทธิ์ไม่ให้สั่งจองมากเกินกำลังการผลิต บางโอกาสก็ขยายรับจองเพื่อสนองความต้องการของนักสะสม เช่น เหรียญทองคำอนุสรณ์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9
ถูกสั่งจองกว่า 140,000 เหรียญ
พึงเข้าใจได้เลยว่า ในอนาคต เหรียญทองคำอนุสรณ์งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 จะอยู่ในมือของคนส่วนมากในประเทศ แม้นมีการเปลี่ยนมือถือครองไปมา ก็ยังคงมีจำนวนคงเหลือเท่าเดิม คือ เท่าจำนวนที่ผลิต เพราะเหรียญฯ มีค่าเหล่านี้จะไม่สูญหาย หรือ ถูกหลอมทำเครื่องประดับ เนื่องจากราคาจองซื้อขายแต่แรกสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ
มีราคาแพงมากกว่าราคา โลหะทองคำในตลาดหลายเท่า น่าคิด ... เหรียญฯ เหล่านี้มีค่าก็จริง แต่ราคาในอนาคตคงจะไม่หวือหวาเท่าเหรียญทองคำของรัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และ เหรียญรัชกาลที่ 9 ทุกรุ่น ที่ได้ผลิตก่อนหน้านั้น มีอยู่ในมือผู้ถือครองจำนวนน้อยมาก ของมีน้อยย่อมหายาก ของมีมากที่ไหนก็มี เมื่อเป็นเช่นนี้
หากรักที่จะเป็นนักสะสมเหรียญกษาปณ์เพื่อการลงทุน ต้องไม่จำกัดตัวเองหาสะสมแต่ของที่มีอยู่ในประเทศ
ใคร่แนะนำให้ศึกษาเหรียญกษาปณ์โบราณของชาติที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางวัฒนธรรม และ อารยะธรรมมาแต่โบราณ สองชาติ คือ อินเดีย และ จีน ซึ่งในอดีตแต่ละอาณาจักรและแว่นแคว้นของสองชาตินี้ ได้ผลิตเหรียญกษาปณ์ใช้ในอาณาจักร หลายยุค หลายสมัย ที่โด่งดังมีชื่อเสียง และ เป็นที่ต้องการของนักสะสมทั่วโลก คือ เหรียญกษาปณ์ทองคำราชวงศ์คุชชาน
คุปตะ และ โมกุล ของชนชาติอินเดียโบราณ และ ก้อนเงินไซซีของชนชาติจีน มีการซื้อขายเปลี่ยนมือระหว่างนักสะสมเหรียญกษาปณ์ จากผู้ค้าหลายประเทศในเอเซียและยุโรป ศึกษาหาความรู้ได้จากเว็บไซต์ประมูลขายทอดตลาดในต่างประเทศ เพราะทั้งประเทศอินเดีย และ ประเทศจีนเป็นประเทศใหญ่มีประชากรมาก กำลังเร่งปฏิรูปพัฒนาเศรษฐกิจ และ จะเป็นประเทศที่มีความมั่งคั่งในอนาคต
ประเทศใดก็ตามที่มีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจ ประชาชนในชาตินั้นๆ ย่อมต้องการถือครองสินทรัพย์ในรูปของ สังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศิลปวัตถุ โบราณวัตถุ ที่มีค่าของชนชาติตน พึงระมัดระวัง ต้องละเอียดรอบคอบ โบราณวัตถุของเก่า ตรวจสอบเปรียบเทียบภาพกับข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ ซื้อหรือประมูลจากบริษัทที่มีชื่อเสียงเชื่อถือได้ เท่านั้น
เหรียญกษาปณ์ทองคำ กรีกในเอเชีย แห่ง Baktria พระเจ้า Eucratides I พ.ศ. 688-715 พบใน ประเทศอาฟกานิสถาน ปากีสถาน และ อินเดีย
เหรียญกษาปณ์ทองคำ คุชชาน (Kushan) ประเทศอินเดีย พระเจ้าขะนิสกะ (Kanishka I) พ.ศ. 670-693
เหรียญกษาปณ์ทองคำ คุปตะ (Gupta) ประเทศอินเดีย พระเจ้าจันทราคุปต์ที่สอง (Chandragupta II) พ.ศ. 918-957
เหรียญกษาปณ์ทองคำ โมกุล (Moghul) ประเทศอินเดีย พระเจ้าจาร์หังกี (Jahangir) พ.ศ. 2148-2170
เหรียญกษาปณ์ทอง ดอลลาร์ประเทศจีนยุคเริ่มต้นประชาธิปไตย ค.ศ. 1915 ชื่อ Hong Xian ด้านหน้า รูป Yuan Shih-Kai ด้านหลัง รูปมังกร
เหรียญกษาปณ์เงิน ดอลลาร์ประเทศจีนยุคเริ่มต้นประชาธิปไตย ค.ศ. 1929 ด้านหน้า รูป Chang Tso Lin ด้านหลัง รูปธงชาติคู่
ตัวอย่างมีให้เห็น เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 บริษัทคริสตี้ นิวยอร์ค (Christy's New York) จัดประมูลภาพเขียน บนผืนผ้าใบลินิน ขนาด 25.8 นิ้ว x 19.2 นิ้ว อายุ 520 ปี Salvator Mudi ภาษาอิตาเลี่ยน หมายถึง พระผู้เป็นเจ้าผู้ช่วยให้รอด ของ Dmitry Rybolovlev
เศรษฐีผู้มั่งคั่งชาวรัชเชีย วาดโดยจิตรกรชื่อด้งยุคเรอเนซองส์ นาม ลีโอนาโด ดาวินซี่ ได้ราคาสูงเป็นประวัติกาล 450.3 ล้านเหรียญอเมริกัน (กว่า 16,000 ล้านบาท) ผู้ประมูลซื้อ คือ เจ้าชาย Badr bin Abdullah Al Saud กระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว อาบูดาบี ก่อให้เกิดปรากฎการณ์ ผู้คนตื่นตาตื่นใจ และตื่นตัวไปทั่วโลก
อันสืบเนื่องจากประเทศมั่งคั่งกำลังก้าวเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสด และ อีกเหตุผลหนึ่งของชาติอาหรับผู้มีความมั่งคั่งจากน้ำมันปิโตเลียม คือ โลกอนาคตจะลดพึ่งพาการใช้พลังงานจากฟอสซิล (น้ำมันปิโตเลียม) จะหันไปใช้พลังงานทดแทนมากขึ้น จึงจำต้องพยายามหาและถือครองสินทรัพย์ ผลก็คือ ทำให้ผู้คนที่มั่งคั่งทั้งหลายต้องหันมาให้ความสนใจ
เพื่อถือครองศิลปวัตถุ และ โบราณวัตถุที่มีค่า แน่นอนที่สุด ภาพเขียนของลีโอนาโด ดาวินซี่ที่มีอยู่ทั่วโลกทุกภาพ จะมีราคาประเมินสูงขึ้นมากกว่าเดิม ค่ากรมธรรม์ประกันภัยจะถูกเรียกเก็บสูงขึ้นตาม ดังนั้น มูลค่าสินทรัพย์โดยรวมของผู้ถือครองก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ทางการฝรั่งเศสได้ประเมินค่าและราคาของภาพ โมนาลิซ่า
เก็บรักษาที่ พิพิธภัณฑสถาน ลุฟท์ ให้เป็นปัจจุบัน สูงถึง 800 ล้านเหรียญอเมริกัน (กว่า 28,000 ล้านบาท)
หมายเหตุ: ชาวมุสลิมจะไม่เก็บวัตถุ ศิลปวัตถุ ของศาสนาอื่นที่ไม่ใช่ของศาสนาอิสลามในที่อยู่อาศัย แต่จะเก็บรักษาสิ่งของเหล่านั้นที่มีค่าในพิพิธภัณฑสถาน ตัวอย่าง เช่น หนังสือประกอบภาพเรื่องรามายานะ (รามเกียรติ์) ฉบับภาษาเปอร์เซีย สมัยพระเจ้าอักบามหาราช แห่งราชวงศ์โมกุล อินเดีย ครอบครองและจ้ดแสดงในพิพิธภัณฑสถานแห่งเดียวกัน
ภาพเขียน Salvator Mudi พระผู้เป็นเจ้าผู้ช่วยให้รอด วาดโดย จิตรกรเอกชาวอิตาเลี่ยน ลีโอนาโด ดาวินชี
ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 บริษัทคริสตี้ เจนีวา (Christy's Geneva) จัดประมูลขายแหวนเพชรสีชมพู ขนาด 18.96 การัต บนเรือนแหวนทองคำขาว ชื่อ Pink Legacy Diamond ได้ราคาสูงเป็นประวัติกาล คือ 50
ล้านเหรียญอเมริกัน (กว่า 1,600 ล้านบาท) ผู้ประมูลซื้อ คือ ผู้ค้าอัญมณี นิวยอร์ค บริษัท Harry Winston
เพชรสีชมพูชิ้นนี้ เป็นสมบัติของตระกูล Openheimer เจ้าของกิจการเหมืองแร่ ประเทศอาฟริกาใต้ บริษัท De Beer เมื่อประมาณ 100 ปีที่แล้ว และได้เจียรนัยเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเมื่อปี พ.ศ. 2463
แหวนเพชร Pink Legacy Diamond
ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 บริษัทคริสตี้ เจนีวา (Christy's Geneva) จัดประมูลขายนาฬิกาข้อมือ Patex Phillippe รุ่น Grandmaster Chime ตัวเรือนทำด้วย Stainless steel ได้ราคาสูงเป็นประวัติกาล คือ 31
ล้านเหรียญอเมริกัน (กว่า 992 ล้านบาท) ไม่เปิดเผยชื่อผู้ประมูลซื้อ
เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2542 บริษัทคริสตี้ นิวยอร์ค (Christy's New York) จัดประมูลขายนาฬิกาพก Patex Phillippe รุ่น Super complication ตัวเรือนทำด้วยทองเค ได้ราคาสูง 24 ล้านเหรียญอเมริกัน (กว่า 768 ล้านบาท)
เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560 บริษัท Phillips Bac & Russo New York จัดประมูลขายนาฬิกาหรู Rolex Cosmograph รุ่น Daytona ตัวเรือนทำด้วย Stainless steel ของดาราฮอลลีวูด Paul Newman ได้ราคาสูง 17.75 ล้านเหรียญอเมริกัน (กว่า 568 ล้านบาท)
นาฬิกาหรู Patex Phillippe Grandmaster Chime, Patex Phillippe Super complication, Rolex Paul Newman Daytona.
ตัวอย่าง เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563 บริษัท Roma Numismatics Ltd. กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ จัดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ทองคำโรมัน บรูตุส ที่ระลึกการสังหารจอมจักรพรรดิ จูเลียสซีซ่า แห่งจักรวรรดิโรมัน ราคาเริ่มต้น 500,000 ปอนด์ ได้ราคาสูง 3.2 ล้านปอนด์ (กว่า 128 ล้านบาท)
Servilius Caepio (M. Junius) Brutus AV Aureus. Military mint travelling with Brutus in the East, late summer-autumn, 42 BC. L. Plaetorius Cestianus, moneyer. Bare head of Brutus to right;
BRVT above, IMP before, L • PLAET • CEST behind / Pileus between two daggers of differing design, their points downwards; below, EID•MAR. 8.06g, 19mm, 12h.
Near mint state and highly lustrous; the usual die breaks, minor surface marks, light red-brown calcite deposits on obverse and reverse. Authenticated and encapsulated by Numismatic Guaranty
Corporation (NGC) and graded MS★ 5/5 - 3/5, Fine Style (#5770688-001). Excessively Rare; the third known example: one on long-term loan to the British Museum, the other in the Deutsche Bundesbank collection.
Estimate: 500,000 GBP
ในอนาคต เมื่อประเทศเป็นสังคมไร้เงินสดสมบูรณ์แบบ ตัวเงินของทุกคนจะอยู่ในรูปตัวเลขของเครดิตเก็บรักษาสำหรับรับเข้าเพิ่มยอด หรือ เบิกถอนลดยอดที่ธนาคาร ผ่านมือถือ หรือ สื่ออื่นใดที่ทางการรับรองภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งชาติ ไม่มีการใช้ธนบัตร ไม่มีเงินเหรียญฯ แต่อยู่ในรูปของเงินดิจิตัล Digital currency ไม่มีตัวตน สัมผัสไม่ได้
รับรู้จำนวนจากตัวเลขทางบัญชีที่แสดง หลักฐานการเงินที่สำคัญของแต่ละบุคคล คงมีเพียงรายการกระแสเงินดิจิตัลเข้าออก ยอดคงเหลือบนฐานข้อมูลในระบบบล๊อคเซนส์ Block chains ของธนาคาร ที่รับฝากถอน ดูแลบัญชีการเงินของเรา หากระบบขัดข้อง ไม่สามารถกระทำธุรกรรมการเงินเป็นการชั่วคราว ยังพอแก้สถานะการณ์เฉพาะหน้าได้ด้วยการกระทำผ่านเอกสารเงินเชื่อ เพื่อชื้อขายกับคู่ค้า
แต่ถ้าเกิดภาวะวิกฤต ระบบขัดข้อง เสียหาย ธนาคารถูกแฮ๊ก ... ไม่สามารถเปิดทำการได้ หรือ เกิดภาวะจาระจล ภาวะสงคราม ต้องอพยพหลบหนีภัย นี่จะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะจะไม่มีเงินซื้อหา หรือ จ่ายเป็นค่าจ้าง ค่าแรง ...
จำเป็นอย่างยิ่ง ต้องแบ่งเก็บเงินในรูปของทองคำแท่งชิ้นเล็กๆ ติดบ้าน หรือ เก็บไว้ในล๊อกเก้อร่วมกับเอกสารสำคัญ หรือ โฉนดที่ดิน เก็ยฝากรวมกันที่ธนาคารฯ เพื่อใว้ใช้ในกรณีฉุกเฉิน หากเกิดวิกฤตดังกล่าวที่ได้กล่าวมาข้างต้น พึงเข้าใจว่าทองคำแท่ง หรือ ทองรูปพรรณย่อมมีราคาขึ้นลงตามราคาตลาด แต่โดยที่ต้องถือครองทองคำไว้นานเพื่อสำรองใช้ในภาวะวิกฤตตลอดชีวิต ควรพิจารณาทองคำในรูปที่เป็นของสะสม
เพราะของสะสมยิ่งนานวันยิ่งมีค่า และ ราคาเพิ่มตามอายุ
อนาคต วลี คำว่า มีเงิน จะหายไปคงมีแต่คำว่า มีทรัพย์ รวยทรัพย์
อ้างอิงบทความคัดลอกจากนิตยสาร The Economist การจัดชั้นทรัพย์สินที่จับต้องได้ ผลตอบแทนจากการลงทุนคิดเป็นเปอร์เช็นต์ เมื่อสิบปีที่ผ่านมาจนถึง ปี ค.ศ. 2016 เหรียญฯ หายาก 195 % ภาพเขียนงานศิลปะ 139 % แสตมป์ 133 % หุ้น S&P Index 58 % เฟอนิเจอร์ 31 %
เหรียญฯ มีความได้เปรียบกว่าภาพเขียนเพราะ มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา มีความแกร่งคงทน สะดวกต่อการจัดเก็บและเคลื่อนย้าย อัตราส่วนมูลค่าต่อขนาดของวัตถุก็มีมากกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับของสะสมที่มีขนาดใหญ่กว่า เช่น เฟอนิเจอร์ ฯลฯ
แม้นแสตมป์มีน้ำหนักเบาบางมากกว่า แต่ความนิยมเริ่มลดลง ไม่ต่างไปจากเฟอนิเจอร์ ซึ่งมีขนาดใหญ่เทอะทะ ต้องการพื้นที่เก็บรักษา และขนย้ายยาก
เหรียญฯ สะสมประเภทหนึ่งใคร่ขอเตือน ณ ที่นี้ คือ เหรียญฯ พิมพ์ภาพด้วยเลเซอร์สามมิติ (Laser-imaging-3-D) ภาพที่พิมพ์ด้วยระบบนี้ยากต่อการตรวจจับผิด ง่ายต่อการปลอมแปลง และ ลอกเลียนแบบ เพราะพิมพ์ภาพด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ควบกับเครื่องพิมพ์ภาพเลเซอร์สามมิติ
ซึ่งเครื่องอุปกรณ์ไฮเทคเหล่านี้ ล้วนมีคุณสมบัติใกล้เคียงกันมาก เหรียญฯ ประเภทนี้ จึงง่ายต่อการปลอมแปลงในอนาคต พึงหลีกเลี่ยง เพราะทุกวันนี้ เครื่องพิมพ์ภาพเลเซอร์สามมิติมีประสิทธิภาพสูงขึ้นมาก และ ราคาถูกลงเรื่อยๆ
เหรียญภาพพิมพ์ด้วยเลเซอร์สามมิติ Laser-imaging-3-D
นำเหรียญฯ สมบัติล้ำค่าของชาติไทยกลับบ้าน เพื่อเป็นมรดกของคนในชาติ
กษาปณ์วิทยา (Numismatics) เป็นวิชาการเกี่ยวกับการรวบรวมเหรียญกษาปณ์ เพื่อการศึกษาประวัติศาสตร์ โบราณคดี และ อารยะธรรมในอดีต
สำหรับบุคคลธรรมดา เป็นเพียงงานอดิเรก (Hobby) สะสมเหรียญฯ (Collections) แต่ บุคคลผู้มีความมั่งคั่ง สะสมเพื่อหวังผลกำไรจากการลงทุน (Investments)
ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา มีการส่งเสริม พิมพ์ตำรา แคตตาล๊อค และ วิชาการด้านกษาปณ์วิทยาเผยแพร่มากมาย ผู้คนตื่นตัว เสาะหา สะสมเหรียญกษาปณ์กันเป็นจำนวนมาก
อันเนื่องมาจากมูลค่าของเหรียญฯ เพิ่มขึ้น และ คาดว่าจะเพิ่มเป็นทวีคูณในอนาคต เมื่อทั้งโลกเป็นสังคมไร้เงินสด เพราะจำนวนประชากรโลกเพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก ของเก่า ของโบราณมีจำนวนจำกัด
เหรียญกษาปณ์และเหรียญที่ระลึกเป็นงานศิลปขนาดเล็กที่มีเอกลักษณ์ ประกอบด้วยข้อมูลต่างๆ ในตัว เช่น ศาสนา วัฒนธรรม เศรษฐกิจ สังคม และ การเมือง ซึ่งในยุคสมัยรัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 เป็นยุคล่าอาณานิคม ประเทศรอบบ้านล้วนเป็นเมืองขึ้นของประเทศอังกฤษ และ ฝรังเศส
ต่างถูกกำหนด และ บังคับให้ใช้เหรียญกษาปณ์ที่ผลิตโดยเจ้าอาณานิคม ต่างจากประเทศสยาม ดำรงความเป็นประเทศเอกราช มีเหรียญกษาปณ์ของตนเอง แต่น่าเสียดายที่เหรียญฯ มีค่าและมีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยในสมัยนั้น ถูกนำติดตัว กลับบ้านต่างประเทศโดยเหล่าคณะทูต
เสนาบดี และ นายช่างชาวต่างชาติที่ได้เข้ามารับราชการ จากการพระราชทาน ปูนบำเหน็จแก่ผู้คนเหล่านั้น กลายเป็นมรดกตกทอดสู่ลูกหลานในตระกูลของเขา ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน และ เดนมาร์ค
เหรียญกษาปณ์ และ เหรียญที่ระลึกของประเทศสยาม ล้วนหายากในประเทศไทย แต่ปรากฏมีให้เห็นประกาศประมูลขายในต่างประเทศ
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ Morton & Eden. Lot number: 355 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย Morton & Eden, GB-London.
วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556
Sale, Lot 355: Siam (Thailand), Rama V (Chulalongkorn), ceremonial issue 5-Tamlung (20 baht) bullet money ('pot duang), CS 1242 (AD 1880), Cho Rampeuy,
on the cremation of Somdet P'ra Deb Sirindhra, mother of Rama V, three countermarks consisting of ornate chakra wheel, Thai flower with date 1242 below, and ornate royal crown,
304 gm (of Guehler pl. VII-VIII; KM C191), toned about extremely fine, very rare.
Estimate: 6,240-9,360 US$. Sold for 29,952 US$ (Price include the Buyer's Premium of 20%). Purchase by European dealer.
เงินพดด้วงเงินยักษ์ ช่อรำเพย รัชกาลที่ 5 พ.ศ. 2423 ชนิด 5 ตำลึง น้ำหนัก 304 กรัม ถูกประมูลขาย ณ ประเทศอังกฤษ วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2556 ด้วยราคา 29,952 US$ ราคานี้รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
พดด้วงไทยตราช่อลำเพย สุดยอดหายาก
รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จัดงานบำเพ็ญพระราชกุศลแด่ สมเด็จพระเทพศิรินทราราชราชินี ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชชนนีย์ของพระองค์ ขณะที่พระองค์ทรงมีพระชนพรรษา 28 พรรษา ในปี พ.ศ. 2423
เนื่องจากพระราชชนนีย์สิ้นพระชนต์ พระองค์จึงต้องการถวายพระราชกุศลใหญ่ ทรงรับสั่งให้ผลิตเหรียญพดด้วงชุดพิเศษขึ้น เพื่อพระราชทานแก้ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ มีทั้งหมด 6 ขนาด
พดด้วง 1 ชั่ง (20 ตำลึง หรือ 80 บาท) น้ำหนัก 1,211 กรัม ผลิตจำนวน 8 ตัว
พดด้วง กึ่งชั่ง (10 ตำลึง หรือ 40 บาท) น้ำหนัก 604 กรัม ผลิตจำนวน 18 ตัว
พดด้วง 5 ตำลึง (20 บาท) น้ำหนัก 302 กรัม ผลิตจำนวน 42 ตัว
พดด้วง 2 ตำลึง กึ่ง (10 บาท) น้ำหนัก 151 กรัม ผลิตจำนวน 75 ตัว
พดด้วง 1 ตำลึง (4 บาท) น้ำหนัก 60 กรัม ผลิตจำนวน 115 ตัว
พดด้วง กึ่งตำลึง (2 บาท) น้ำหนัก 30 กรัม ผลิตจำนวน 205 ตัว
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ Stack's Bowers & Ponterio. Lot number: 62386 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย Stack's Bowers & Ponterio, Hong Kong.
วันที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2562
THAILAND. Bullet Money Presentation Set (6 Pieces), CS1242 (1880). Rama V, P’ra Paramin Maha Chulalonkorn. The Ultimate Thai Ancient Coins,
King Chulalongkorn’s equal Somdet P’ra Deb Sirindhra (Princess mother), to commemorate his age. The date chosen 24 May 1880 was very symbolic
because in that year the King’s age was equal to his mother’s at her time of passing. Attendees who were present during the ceremony were given examples
of this issue, while full sets were given to royalty and high ranking officials. Two of the three markings are typical emblems of Thai coinage and medals. One
being an elaborate form of the chakra, and the other is the mark of the crown. The third mark is that of Rampeui with date below, which was chosen because
it was his mother’s maiden name. The Chang (80 Baht) and 1/2 Chang (40 Baht or 10 Tamlung) differ significantly from most other Thai bullets in that they
are intricately hand engraved as opposed to the smaller denominations where all of the marks are struck. Even further delineating from the norm is the fact
that this series represents the first dated silver coins of Thailand and the only dated bullet coinage ever produced. Considered by most collectors and scholars
to be the pinnacle of Thai numismatics, to obtain just a single example of any denomination is a feat in its own right, let alone the opportunity to acquire an
entire intact matching set. Though individual examples from this series appear in the market place from time to time, seldom does an entire set come up
for sale and as such should be considered of the HIGHEST RARITY. Featured on the front cover and on pages 11-12 & 99 of Mark Graham’s and Manfred
Winkler’s book “Thai Coins” published 1992, this is one of three intact sets known from a possible total of only 8 sets. Each piece from this set displays
beautiful gun-metal gray with a lovely blue iridescent sheen on the 80 Baht, 40 Baht and 20 Baht, while the 10 Baht, 4 Baht and 2 Baht exhibit an attractive
sunset hued sheen. An outstanding well matched set that clearly sat together for a prolonged period of time undisturbed. An opportunity not to be missed as
it may not occur again for many years.
1) Chang (80 Baht or 20 Tamlung), CS1247 (1880). 10-blade variety. 1211 gms. Mintage: 8 pieces known for both Rama IV and Rama V.
2) 1/2 Chang (40 Baht or 10 Tamlung), CS1247 (1880). 12-blade variety. 604 gms. Mintage: 18 pieces.
3) 5 Tamlung (20 Baht), CS1247 (1880). 10-blade variety. 302.4 gms. Mintage: 42 pieces.
4) 2 1/2 Tamlung (10 Baht or 2 Tamlung 2 Baht), CS1247 (1880). 10-blade variety. 151.8 gms. Mintage: 75 pieces.
5) Tamlung (4 Baht), CS1247 (1880). 10-blade variety. 60.6 gms. Mintage: 115 pieces.
6) 1/2 Tamlung (2 Baht), CS1247 (1880). 8-blade variety. 30.3 gms. Mintage: 205.
1880 (BE 2423) สุดยอดของเงินพดด้วงไทย รัชกาลที่ 5 ทำขึ้นเพื่อฉลองพระชนอายุเสมอสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตร (พระราชชนนี) (หนึ่งชั่ง หรือ ยี่สิบตำลึง) น้ำ
หนัก 1210.4 กรัม มี 8 เม็ด เท่าที่รู้ 40 บาท (สิบตำลึง) 603.9 กรัม ผลิต 18 เม็ด 20 บาท (ห้าตำลึง) 302.8 กรัม ผลิต 42 เม็ด 10 บาท (สองตำลึง) 151.1
กรัม ผลิต 75 เม็ด 4 บาท (ตำลึง) 60.7 กรัม ผลิต 115 เม็ด 2 บาท (กึ่งตำลึง) 30.3 กรัม ผลิต 205 เม็ด รวม 6 เม็ดชุด แกะสลัก ด้วย 3 ตรา มีตรา
พระเกี้ยว ตราพระแสงพระจุลมงกุฎจักร และตราดอกช่อรำเพย CS 1242 ตราทั้ง 3 ทุก ตรามีความคมชัดมาก ๆ สีผิวของเงิน โทนธรรมชาติเกือบเหมือนกันหมด
เหรียญชุดนี้เป็นที่ยอมรับของผู้ทรงคุณวุฒิหลายท่านว่าเป็นเหรียญที่มีสภาพสวยมากที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา สภาพของแกรนด์แชมป์เปี้ยน เงิน พดด้วงได้เลิกทำตั้งแต่ใน
สมัยรัชกาลที่ 4 แต่รัชกาลที่ 5 ไดสั่งให้มีขึ้นอีกครั้ง ในพิธีสำคัญนี้ เพื่อแจกจ่ายให้พระญาติ และ เจ้านายที่สูงศักดิ์ ประวัติการประมูล ชุด นี้ขายในวันที่ 24 มีนาคม
2013 ราคา USD 325,000 ในการประมูล Eur-Seree # 1814 การประมูล อื่น ๆ (ชิ้นที่แตกต่าง) 30 พฤศจิกายน 2018 ขายในราคา USD 304,000
เฉพาะเม็ดพดด้วง 80 บาท สภาพใกล้เคียงกับเม็ดนี้ ได้มีการประมูลไปที่ Eur-Seree เอื้อเสรี ฯ เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2551 ขายในราคา 7,800,000 บาท
Estimate: $350,000-Up
Ex: Eur-Seree Auction # 31 March 23-24, 2013 Lot # 1814 where it hammered for an impressive 9,200,000 Baht (Approximately $288.6 thousand)
Featured on the front cover of “Thai Coins” by Mark Graham and Manfred Winkler published Bangkok 1992.
Unsold ไม่ปรากฏผู้ประมูลซื้อเหรียญฯ พดด้วงยักษ์ชุด 6 ก้อน นี้ !
พึงสังเกต เฉพาะพดด้วงขนาด ชั่ง และ กึ่งชั่ง แกะสลักตราทั้งสามด้วยมือ นอกนั้นตอกประทับตรานูนต่ำทั้งสาม ด้วยแท่งเครื่องหมายเหล็กกล้า.... แม้นเป็นของแท้ แต่นักสะสมต่างชาติไม่วางใจกับการ
แกะสลักตราด้วยมือ เพราะยากต่อการจับผิด ทำเทียม เลียนแบบ....
จากนั้น Stack's Bowers & Ponterio. ได้นำกลับมาเสนอประมูลขายอีกครั้งที่ Hong Kong Lot number: 21768 วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2562
Estimate: $350,000 - 450,000
Unsold ไม่ปรากฏผู้ประมูลซื้อเหรียญฯ พดด้วงยักษ์ชุด 6 ก้อน นี้ เช่นเดิม !
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ Stack's Bowers & Ponterio. Lot number: 73145 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย Stack's Bowers & Ponterio, Hong Kong.
วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560
THAILAND. Tamlung (4 Baht), ND (1864).PCGS EF-45 Secure Holder. Kann-pg. 332/333, pl. 139; Y-A/Z; SSC-pl. IX#2 a/b; LeMay-pg. 94. XXII#1. Struck to commemmorate
Rama IV's 60th birthday. The obverse depicts the standard design as found on regular circulation issues of this era. The reverse display the central inscription "Kingdom of Siam"
within a cubed star frame with the Chinese inscription around "Cheng Ming Tung Pao" (Negotiable Curency of Cheng Ming). It is believed that these pieces were never released for
circulation and were struck for presentation to important Thai and Chinese citizens. According to Kann, the reason for a Chinese inscription was that Siam still admitted China's
suzerainty over its country at this time. While Thailand still retained its domestic autonomy, China remained in control of certain affairs. An always in demand type which is sure
to cause considerable bidding. Tonned and fully original, PCGS EF-45 Secure Holder.
Estimate: 9,000-12,000 US$. Price realized: 10,500 US$. Price do not include buyer's fees.
เหรียญฯ เงิน แต้เม้ง 1 ตำลึง รัชกาลที่ 4 ถูกประมูลขาย ณ เมืองฮ่องกง วันที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560 ด้วยราคา 10,500 US$ ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ Eur-Seree Collecting Co., Ltd. Bangkok Sale #29, Lot number: 492 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ ของบริษัทเอื้อเสรีการประมูล ที่ กรุงเทพมหานคร วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555
2407 สุดยอดเหรียญกษาปณ์ไทย ชุดเหรียญทองคำจักรพรรดิ์ - แต้เม้งทงป้อ ออกเพื่อการเฉลิมฉลองพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ อายุครบ 60 พรรษา ชนิดราคา 1/16 บ. (สองไพ), 1/8 บ. (เฟื้อง), 1/4 บ. (สลึง), 1/2 บ. (สองสลึง) , 1 บ. (บาทหนึ่ง), 2 บ. (กึ่งตำลึง), 4 บ. (หนึ่งตำลึง), ครบชุด 7 เหรียญ ทุกชนิดราคาเป็นเหรียญที่หายากมากอยู่แล้ว
เมื่อรวมกันเป็นชุด ทำให้ความหายากถึงระดับสุดยอด และเป็นชุดเดียวเท่านั้น ที่สมบูรณ์ครบ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีการประมูลยกชุด เหรียญฯ ชุดนี้ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่ง ในชุดเหรียญฯ ที่หายากระดับโลก เป็นที่สนใจมาก จากนักสะสมระดับซูเปอร์เซียนทั้งไทยและต่างชาติ ทุกเหรียญอยู่ในสภาพสวยงามเยี่ยมมาก AU-UNC (7)
หมายเหตุ: เหรียญชนิดราคา 4 บาท เป็นเหรียญทองคำกษาปณ์ไทยสมัยเก่า เหรียญเดียวที่มีภาษาจีนอยู่บนเหรียญ และเป็นเหรียญเดียวที่มีสถานะการใช้งานได้สองสถานะ คือ สถานะเหรียญกษาปณ์ และ มีถานะเป็นเหรียญเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วย "เอื้อ เสรีฯ รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการประมูลครั้งประวัติศาสตร์นี้"
ขายที่ราคา 15,500,000 บาท ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล ผู้ประมูลได้เป็นชาวต่างชาติ
ในอดีต ราชสำนักฝรั่งเศสได้ผลิตเหรียญที่ระลึกเพื่อเป็นเกียรติแก่การเจริญสัมพันธ์ไมตรีรับคณะทูตจากประเทศสยาม เป็นการเผยแพร่ให้ชาวโลกรับรู้ว่าประเทศสยามเป็นชาติอารยะ คือ เหรียญที่ระลึกสมัยพระเจ้าหลุยที่ 14 รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และ เหรียญที่ระลึกสมัยพระเจ้านะโปเลียนที่ 3 รัชสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ iNumis. Mail Bid Sale 37. Lot number: 1146 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย iNumis, France.
วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560
Siam, Louis XIV, audience les ambassadeurs du Siam, Par Mauger, 1686 Paris A/LUDOVICUS HAGNUS REC CHRISTIAN/SSIMUS.
Tete de Louis XIV a droite, en-dessous signature J.MAVGER.F
R/FAMA VIRTUTIS
Louis XIV Sur une estrade recevant les ambassadours du Siam; a lexergue: ORATORES REGIS SIAM (date)
Cuivre 41.0 mm 30.08 g 12 h SPL, R.
Estimate: 500 EUR Price realized: 740 EUR. Price do not include buyer's fees.
เหรียญฯ ทองแดงที่ระลึกการทูตราชอาณาจักรฝรั่งเศส-สยาม สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผลิตเพื่อเป็นเกียรติโดยราชสำนักฝรั่งเศส ถูกประมูลขาย ณ ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ด้วยราคา 740 EUR ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ MDC Monnaies de Collection. Auction 2. Lot number: 134 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย MDC Monnaies de Collection sarl, France.
วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2560
Bronze medal struck in 1861 to commemorate the visit of the Ambassadors of the Siam's King at the Palace of Fontainebleau in Jun 27th 1861. Laureate head of
Napolean III right. Rv. Siam ambassadors kneeling at the feet of Napolean and Princess Eugenie. Divo. 438 Dies by A.Dubois. 163.44 grs. PCGS SP 65BN.
Estimate: 2,000 EUR Price realized: 2,000 EUR. Price do not include buyer's fees.
เหรียญฯ ทองแดงที่ระลึกการทูตราชอาณาจักรฝรั่งเศส-สยาม สมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ผลิตเพื่อเป็นเกียรติโดยราชสำนักฝรั่งเศษ ถูกประมูลขาย ณ ประเทศฝรั่งเศษ วันที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 ด้วยราคา 2,000 EUR ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ iNumis. December 2018 Auction. Lot number: 218 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย iNumis, France.
วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560
Thailande (Siam), visite de Rama V en Europe, medaille d'or recue per le Pdt Felix Faure,
par Auguste Patey, 1879 Paris, PCGS SP64
A/Legende en thai Bust de Rama V a droite, signature Aug PATEY
Legende en thai en sept lignes traduite ainsi: en souvenir/ des voyage/ et sejour royaux en Europe/ du 7e jour d'avil/ au 16e decembre/ 30e [annee de regne]/ Annee de lere
Ratanakosin/ 116 [1897] Or 50.6 mm 95.03 g 12h SPL RRR Carne d'abonance RSNA 9 pp. 39-49, F.IV p.425
Estimate: 35,000 EUR Price realized: 95,000 EUR (Approx 107,746 $US). Price do not include buyer's fees.
เหรียญฯ ทองคำที่ระลึกเสด็จประพาสยุโรป ร. 5 ครั้งที่ 1 ถูกประมูลขาย ณ ประเทศฝรั่งเศส วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2560 ด้วยราคา 95,000 EUR ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ Heritage Auction, HA. คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย Heritage World Coin Auctions, Hong Kong Signature Sale 3084. Lot 30337.
วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
เหรียญกษาปณ์ตัวอย่าง เนื้อเงิน หนึ่งสลึง รัชกาลที่ 5 เหรียญหนวด
Thailand, Rama V silver Essai 1/4 Baht (Salung) Rs 128 (1900), Paris Mint, by Henri-Auguste Patay. An already excessively
rare Essai that escarates to an entirely new tier cnditional scarcity at this supreme gem mint state level.
Estimate: 8,000 - 12,000 US$. Price realized: 22,000 US$. Price do not include buyer's fees.
เหรียญกษาปณ์ตัวอย่าง เนื้อเงิน หนึ่งสลึง รัชกาลที่ 5 เหรียญหนวด ถูกประมูลขาย ที่ ฮ่องกง วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ด้วยราคา 22,000 US$ ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ Heritage Auction, HA. คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย Heritage World Coin Auctions, Hong Kong Signature Sale 3084. Lot 30339.
วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
เหรียญกษาปณ์ตัวอย่าง เนื้อเงิน สองสลึง รัชกาลที่ 5 เหรียญหนวด
Thailand, Rama V silver Essai 1/2 Baht (2 Salung) Rs 128 (1900), Paris Mint, by Henri-Auguste Patay. By all measures a
classic rarity of the machine-made Thai series, virtually unattainable in any condition, and perhaps even rarer that the Essai 1/4 Baht
and Baht of the same set.
Estimate: 8,000 - 10,000 US$. Price realized: 32,000 US$. Price do not include buyer's fees.
เหรียญกษาปณ์ตัวอย่าง เนื้อเงิน สองสลึง รัชกาลที่ 5 เหรียญหนวด ถูกประมูลขาย ที่ ฮ่องกง วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ด้วยราคา 32,000 US$ ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ Heritage Auction, HA. คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย Heritage World Coin Auctions, Hong Kong Signature Sale 3084. Lot 30345.
วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
เหรียญกษาปณ์ตัวอย่าง เนื้อทองแดง กึ่งตำลึง (สองบาท) รัชกาลที่ 5
Thailand, Rama V copper Proof Pattern 2 Baht (1/2 Tamlung ND (1877), Paris Mint, an extremely rare unadopted pattern
type which almost never occur on the market.
Estimate: 8,000 - 10,000 US$. Price realized: 36,000 US$. Price do not include buyer's fees.
เหรียญกษาปณ์ตัวอย่าง เนื้อทองแดง กึ่งตำลึง (สองบาท) รัชกาลที่ 5 ถูกประมูลขาย ที่ ฮ่องกง วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ด้วยราคา 36,000 US$ ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ Heritage Auction, HA. คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ โดย Heritage World Coin Auctions, Hong Kong Signature Sale 3084. Lot 30346.
วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563
เหรียญกษาปณ์ตัวอย่าง เนื้อเงิน กึ่งตำลึง (สองบาท) รัชกาลที่ 5
Thailand, Rama V silver Proof Pattern 2 Baht (1/2 Tamlung ND (1877), Paris Mint, an extremely rare unadopted pattern
type which almost never occur on the market.
Estimate: 10,000 - 20,000 US$. Price realized: 65,000 US$. Price do not include buyer's fees.
เหรียญกษาปณ์ตัวอย่าง เนื้อเงิน กึ่งตำลึง (สองบาท) รัชกาลที่ 5 ถูกประมูลขาย ที่ ฮ่องกง วันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 ด้วยราคา 65,000 US$ ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
เหรียญฯ มีค่าหายากประเทศสยามสมัยรัชกาลที่ 4 และ รัชกาลที่ 5 หลากหลายชนิดแบบ รวมถึงเหรียญตัวอย่าง เนื้อทองคำ เงิน ทองแดง ฯลฯ มีอยู่ในมือชาวต่างชาติจำนวนมาก ส่วนใหญ่อยูในสภาพดีเยี่ยม เพราะถูกเก็บลืม และ มีจำนวนไม่น้อยหมุนเวียนเข้าออกตลาดประมูล ซื้อขายเปลี่ยนมือทำกำไร
พวกเราชาวไทยที่นิยมชมชอบสะสมเหรียญฯ ประเทศสยาม ควรได้ศึกษาสืบค้น จากบริษัทผู้ให้บริการฐานข้อมูลการซื้อขายเหรียญกษาปณ์ทั่วโลก จากเว็ปไซต์ต่างประเทศ เช่น Coinarchives , Coinarchives pro, Numis Bids
และ อื่นๆ ระบุคำค้นหา Siam, Thailand, King Rama, Rama IV, Rama V, Tamlung หรือ Siam Bullet Coins แต่ละสัปดาห์มีเหรียญกษาปณ์ สยาม และ ประเทศไทย จำนวนไม่น้อยถูกประมูลซื้อขายตลอดทั้งปี
การเก็บรักษาเหรียญ
ไม่ควรทำความสะอาดเหรียญฯ ด้วยน้ำยาเคมีใดๆ น้ำมะขาม น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู ห้ามเด็ดขาด เพราะมีความเป็นกรดกัดผิวโลหะ หากเหรียญฯ สกปรกให้ล้างด้วยน้ำสบู่ หรือ น้ำยาล้างจานปัดด้วยแปลงขนอ่อน เบาๆ
เหรียญฯ เก่าเก็บ ที่มีโทนสีผิวทึมๆ ไม่ควรขัดถูออก ควรคงไว้เพราะเป็นคุณสมบัติเฉพาะตัวของเหรียญฯ เก่าเก็บ การจัดเก็บรักษาเหรียญฯ ที่มีค่า ควรบรรจุในซองกระดาษสีน้ำตาลชนิดหนาแยกเป็นรายชิ้น พึงหลีกเลี่ยงซองบรรจุที่เป็นพลาสติค เพราะเนื้อพลาสติคมีสารประกอบที่เป็นน้ำมัน
นานไปจะก่อให้เกิดมีฟิล์มน้ำมันเหนียวบางๆ เกาะติดผิวเหรียญฯ ทำให้โทนสีผิวของเหรียญฯ เปลี่ยนไป การหยิบจับ ควรจับที่ขอบเหรียญฯ ดีที่สุดควรสวมถุงมือผ้าเพื่อป้องกันไม่ให้เหงื่อมือ ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นด่าง หรือ กรดอ่อนๆ สัมผัสตัวเหรียญฯ เก็บรักษาเหรียญฯ ในที่แห้ง ไม่อับชื้น
กระเป๋าสำหรับบรรจุเหรียญกษาปณ์ พระเครื่อง ของประดับมีค่า
ตู้ไม้สำหรับเก็บรักษาเหรียญกษาปณ์ ของกษัตริย์ Henry VIII. British Museum, London, England.
ข้อควรรู้ สำหรับนักสะสมเหรียญกษาปณ์ มีค่า ราคาแพง และ หายาก
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ CNG Lot number: 614 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้า Diodotos แห่ง Baktria โดย Classical Numismatic Group, New York. Electronic Auction Triton VIII.
วันที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2548
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Diodotos แห่ง Baktria มีรอยตอกด้วยของมีคมที่พระเศียรเพื่อตรวจสอบเนื้อทองคำ
Sale: Triton VIII, Lot: 614, Estimate 2,000 US$.
Closing date Monday; 10 January 2005.
Sold for 2,200 US$. This amount does not include the buyer's fee.
KING of BAKTRIA. Diodotos I, in the name of Antiochos II of Syria. Circa 255 - 235 BC. AV Stater (8.26 gm. 6 h). Mint A (near Ai Khanoum). Diademed head right
/BAΣIΛEΩΣ ANTIOXOY, Zeus advancing left, brandishing thunderbolt in right hand, aegis draped over extended left arm, in inner left field, wreath
above eagle standing left. EF, typical test cut.
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Diodotos แห่ง Baktria มีรอยตอกด้วยของมีคม (test cut) ที่พระเศียร นี้ ได้ถูกประมูลด้วยราคา 2,200 US$ ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูลอีก 20 เปอร์เซ็นต์
จากนั้นมา 12 ปี .......... ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ CNG Lot number: 419 คัดลอกมาจากการเสนอประมูลขายเหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้า Diodotos แห่ง Baktria โดย Classical Numismatic Group, New York. Electronic Auction 389.
วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2560
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Diodotos แห่ง Baktria เหรียญฯ เดียวกันได้ถูกแก้ไขซ่อมแซมรอยตอกที่พระเศียร
CNG Triton XX Lot 419
10 - 11 January 2017. In Conjunction with the 45th Annual New York International Numismatic Convention.
BAKTRIA, Greco-Baktrian. Diodotos I Soter. Circa 255 - 236 BC AV Stater (18 mm, 8.28 g, 6 h). In the name of Antiochos II of Syria.
Mint A (near Ai Khanoum). Diademed head right / Zeus Bremetes, seen from behind, advancing left, aegis draped over outstretched left arm, and brandishing
thunderbolt in right hand; in inner left field, wreath above eagle standing left. Near EF, prior test cut in hair repaired.
COIN SOLD AS IS, NO RETURNS. Estimate: 2,000 US$
เหรียญฯ นี้ ถ้าเป็นเหรียญฯ เดิมๆ ไม่มีตำหนิ สภาพสวยเช่นนี้จะมีราคาสูงกว่า 10,000 US$ หากสภาพนี้แต่มีรอยตัดที่พระเศียร จะมีราคาประเมิน 2,500 - 3,500 US$ โดยที่เหรียญฯ นี้เป็นเหรียญฯ แท้ แต่ถูกซ่อมและแก้ไขรอยตอก (test cut) ที่พระเศียร จึงขาดความน่าเชื่อถือ
ประเมินราคาเพียง 2,000 US$ และหากประมูลได้ ต้อง ขายขาด ไม่รับคืน
การที่จะทราบ และ จับผิดตำหนิทางกายภาพของตัวเหรียญฯ ย่อมไม่พ้นต้องพึ่งพาเครื่องมือ ยิ่งเครื่องมือมีความสามารถสูง ตรวจได้ละเอียดและซับซ้อน ประโยชน์ย่อมมีมากปานนั้น ซึ่งปัญหานี้มักพบในเหรียญฯ เก่าโบราณที่มีค่า ส่วนใหญ่มักเป็นเหรียญฯ ทองคำ และ เงิน
ด้วยเหตุนี้ ชวนให้มองย้อนไปที่เหรียญฯ รัชกาลที่ 4 แต้เม้งทงป้อ Tae Meng Tong Pao ตำลึงทอง มีพระบรมราชานุญาตให้ใช้ประดับได้อย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ โดยการเชื่อม หู หรือ ห่วง ที่ด้านหลัง หรือ ขอบเหรียญ พบประมูลขายในต่างประเทศ และ ในประเทศ
บางเหรียญมีห่วงทองคำติดอยู่ บ้างมีรอยเชื่อมแต่ห่วงถูกตัดออก แล้วเหรียญฯ ทองคำมีค่าอื่นๆ ของรัชกาลที่ 4 และ 5 ...... มีบ้างไหมที่เหรียญฯ เหล่านี้ถูกแก้ไข ซ่อมแซม ปกปิดตำหนิ ?
เหรียญกษาปณ์ทองคำ รัชกาลที่ 4 แต้เม้งทงป้อ Tae Meng Tong Pao ตำลึงทอง มีรอยตัดห่วงคงเหลือแต่รอยเชื่อม
อีกสิ่งหนึ่ง คือ ความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ โดยการนำเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน หรือ เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก มาชุบทอง แต่งลาย เพ้นท์สี ให้ดูประหนึ่งเป็นรุ่นพิเศษ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากเหรียญธรรมดา ซึ่งหารู้ไม่ว่า เหรียญกษาปณ์ที่มีค่าสูงสุดของแต่ละรุ่น คือ เหรียญฯ สภาพงาม สมบูรณ์ ไร้ตำหนิ เกรด
FDC (Fleur de coin) คือ Mint state สวยสมบูรณ์แบบตรงจากเครื่องปั๊ม หรือ รองลงมาได้แก่ Unc (Uncirculated) มิรอยตำหนิบ้างจากการบรรจุ เสียดสีจากการจัดเก็บ ไม่ผ่านการใช้หมุนเวียน ด้วยเหตุนี้
เหรียญฯ ที่ผ่านการชุบ แม้นไม่ผ่านการใช้งาน จึงไม่ถือเป็นเกรด FDC หรือ เกรด Unc กลับเข้าข่ายเป็นเหรียญฯ ถูกแก้ไขแปรสภาพ ส่วนการเพ้นท์สี แต่งลาย ส่อให้เข้าข่ายต้องสงสัย ปกปิดตำหนิข้อบกพร่องทางกายภาพ เหรียญฯ ประเภทนี้ถูกจัดให้เป็นเครื่องประดับ ไม่เข้าข่ายเหรียญกษาปณ์
ไม่เป็นที่ยอมรับของนักสะสม นักกษาปณ์วิทยา
เหรียญฯ พิเศษ ถ้าสุดยอดหายาก ย่อมมีข้อยกเว้น
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ CNG Lot number: 2396 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่ง ราชอาณาจักรโมกุล อินเดีย โดย Classical Numismatic Group, New York. Auction Triton XIX.
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่งราชวงศ์โมกุล อินเดีย มีรอยตัดห่วงด้านบนพระเศียร
Sale: Triton XIX, Lot: 2396, Estimate 20,000 US$.
Sold for 400,000 US$. This amount does not include the buyer's fee.
INDIA, Mughal Empire. Nur al-Din Muhammad Jahangir. AH 1014 - 1037 / AD 1605 - 1627. AV Mohur (23 mm. 10.99 g. 11 h). Portrait type Class A. Dually dated AH 1020 and
RY 6 (16 march - 14/23 October AD 1611). Shabih-e Jahangir Shah Akbar Shah (Likeness of Jahangir Shah (son of Akbar)) in Persian to left, Sarnat 6 Jalus (regnal year 6) in Persian
to right, bust left, left hand resting hand on throne. / Lion recumbent left, radiate sun behind, Sonat 1020 Hijri (year 1020 of the Hijra) in Persian to right. VF,
remain of suspension loop mounting. Very rare contemporary issue presented to prefered courtiers.
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Jahangir นี้ สุดยอดหายาก พิมพ์นี้เท่าที่พบและรับรู้ มีเพียง 5 เหรียญ แม้นมีตำหนิ คือ รอยตัดห่วงก็ตาม ยังถูกประมูลด้วยราคา 400,000 US$ ราคานี้ ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูลอีก 20 เปอร์เซ็นต์
เหรียญฯ ปลอม คือ เหรียญฯ ไม่มีค่าย่อมไร้ราคา ทราบไหมว่า ทุกวันนี้มีเหรียญฯ ปลอมเลียนแบบกลุ่มหนึ่ง เป็นที่ยอมรับของนักสะสมเหรียญฯ ภาพข้างล่างนี้ เป็นสมบัติของ Ashmolean Museum of Art and Archeology, University
of Oxford, England.
เหรียญกษาปณ์ทองคำชุด 12 จักรราศีของพระเจ้าจาหังกีร์ Ashmolean Museum, Oxford University.
เหรียญแรกซ้ายมือแถวบนสุดเป็นเหรียญปลอม นอกนั้น ทั้ง 11 เหรียญ เป็นเหรียญฯ แท้ ผลิตโดยราชสำนักราชวงศ์โมกุล อินเดีย
พระเจ้าจาหังกีร์ (Jahangir) แห่งราชวงศ์โมกุล อินเดีย ได้ผลิตเหรียญฯ กษาปณ์ทองคำเกียรติยศภาพบุคคล และ ภาพชุด 12 จักรราศี ตามคติของชาวตะวันตกแบบอย่างชาวคริสต์
ซึ่งขัดต่อหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม ต้องห้าม คือ มิให้มีรูปภาพบุคคล หรือ ภาพสัตว์ แต่พระเจ้าจาหังกีร์ได้ทำขึ้นเพื่อมอบให้ผู้ใกล้ชิด สนม เจ้าเมือง และ ทูตต่างเมือง เนื่องจากผลิตจำนวนน้อย เป็นที่นิยม และ ต้องการของคนทั่วไป จึงเป็นเหรียญฯ ที่มีชื่อเสียง
ครั้นเมื่อ พระเจ้าชา จาฮัน (Shah Jahan) ราชบุตร ผู้สร้างทัชมาฮาล ได้ขึ้นครองราช สืบราชสมบัติต่อมา ความที่พระองค์เป็นผู้เคร่งศาสนาอิสลาม จึงได้ออกกฏห้ามมิให้มีการผลิตเหรียญฯ ดังกล่าว
ทรงเรียกคืนท้องพระคลังเพื่อหลอมทำลาย หากพบว่าผู้ใดมีไว้ในครอบครอง ผู้นั้นจะมีความผิดโทษถึงประหาร ด้วยเหตุนี้ เหรียญกษาปณ์ทองคำเกียรติยศที่มีภาพบุคคล และ ภาพสัญลักษณ์จักรราศีเช่นว่านี้ จึงหายไปจากระบบเงินตรา กลายเป็นของหายากที่สุดในบรรดาเหรียญกษาปณ์ทั้งปวงของอินเดียแต่นั้นมา
ทุกวันนี้ มีพิพิธภัณฑสถานเพียงไม่กี่แห่งที่ครอบครองเหรียญฯ บุคคล และ จักรราศี ของพระเจ้าจาหังกีร์ของแท้ครบชุด แต่ โดยที่พิพิธภัณฑ์ สมาคมฯ นักสะสมเหรียญกษาปณ์ นิยมเสาะหา ต่างมีไม่ครบชุด คือ ขาดบางเหรียญฯ ดังนั้น การแสดง นำเสนอ และ เพื่อความเข้าใจชุดเหรียญฯ จำต้องซื้อหาเหรียญฯ ปลอมเพื่อทำให้ดูครบชุด
ด้วยเหตุนี้ เหรียญฯ บุคคล และ เหรียญจักรราศีปลอม ที่ผลิตจากทองคำแท้ คุณภาพใกล้เคียง หรือ เหมือน จึงได้รับการยอมรับ ซื้อขายในราคาแพงกว่าราคาตามน้ำหนักของทองคำประมาณ 3 - 4 เท่า
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ CNG Lot number: 996 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ทองคำ จักรราศี สิงโต พระเจ้า Jahangir แห่ง ราชอาณาจักรโมกุล อินเดีย โดย Classical Numismatic Group, New York. Auction 389.
วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2560
เปรียบเทียบเหรียญฯ ทองคำ จักรราศี สิงโต (Leo) แท้ และ ปลอม พระเจ้า Jahangir แห่งราชวงศ์โมกุล อินเดีย
Sale 389, Lot: 996, Estimate 500 US$.
Sold for 11,000 US$. This amount does not include the buyer's fee.
INDIA, Mughal Empire. Nur al-Din Muhammad Jahangir. AH 1014 - 1037 / AD 1605 - 1627. AV Mohur (22 mm. 11.00 g. 6 h). Zodiac type likely a restrike from the 18 th or 19 th century struck at Agra.
Triply dated AH 1028, year 6, and RY 14 (19 December AD 1618 - 14/23 October AD 1619). Constellation of Sher/Singha (Leo the lion): lion, with left forepaw raised, standing right; radiate sun behind;
RY date formula to right / Persian couplet citing Jahangir and mint; AH date to left additional numerical 6 below. VF, lightly toned, traces of deposits.
เหรียญฯ จักรราศี ทองคำ พระเจ้า Jahangir ทุกพิมพ์ ทุกราศี ล้วนสุดยอดหายาก เหรียญฯ จักรราศีสิงโต (Leo) ปลอม หรือ ที่นักกระษาปณ์วิทยานิยมเรียกว่า เหรียญทำใหม่ (Restruck) นี้ ถูกประมูลด้วยราคา 11,000 US$ ราคานี้ ยังไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูลอีก 20 เปอร์เซ็นต์
หากเป็นเหรียญฯ จักรราศีสิงโต (Leo) แท้ (รูปบน) ราคาจะสูงกว่า 450,000 US$
จำเป็นหรือไม่ ! ประกาศนียบัตรรับรองความเป็นเหรียญฯ แท้ และ ระดับชั้นคุณภาพ grading
เหรียญกษาปณ์ รับรองความแท้ และ จัดระดับความชัด โดยบริษัท NGC ปิดผนึกแน่นหนาในตลับพลาสติกใส
บริษัททำธุรกิจรับตรวจสอบ ออกใบรับรองความจริงแท้ และ ระดับชั้นความคมชัดของเหรียญฯ (Coin Authentication and grading) มีดังนี้
Professional Coin Grading Service (PCGS).
Numismatic Cuaranty Corporation (NGC).
Independent Coin Graders (ICG).
ANACS, PCI, SEGS, ACG, NTC, HCGS, ACCGS, SGS และ อื่นๆ อีกมาก
เพียง 2 บริษัทเท่านั้น คือ PCGS และ NGC ได้รับการยอมรับและเชื่อถือมากกว่าบริษัทอื่นๆ
หากต้องการใช้บริการ ต้องสมัครเป็นสมาชิก เหรียญฯ ใดที่ได้รับการรับรอง จะมีหมายเลขทะเบียนกำกับ เป็นบาร์โคตบันทึกเก็บข้อมูลคุณสมบัติในคอมพิวเตอร์ศูนย์กลาง (Server) ของบริษัทฯ เพื่อง่ายต่อการเข้าถึง ตรวจสอบทางออนไลน์ หากต้องการภาพถ่ายความละเอียดสูง ทางบริษัทยินดีให้บริการจัดทำภาพถ่าย ด้านหน้า (หัว)
และ ด้านหลัง (ก้อย) วิเคราะห์องค์ประกอบส่วนผสมของโลหะ (X-ray Fluorescence Spectroscopy) วัดค่าความถ่วงจำเพาะ (Specific gravity) จากนั้น บันทึกเลขทะเบียน รับรองคุณสมบัติ ฯลฯ ตัวเหรียญฯ จะถูกปิดผนึกในตลับพลาสติกใสอย่างแน่นหนาเปิดไม่ได้ ป้องกัน อากาศ ความชื้น
และ การสับเปลี่ยนตัวเหรียญฯ เหรียญ ด้วยเหตุนี้ โบราณวัตถุใด หากมีเอกสารรับรองจากบริษัทเหล่านี้ สิ่งของนั้นๆ ถือว่า ได้ผ่านการตรวจสอบความเป็นของแท้ และ ระดับคุณภาพ มีความน่าเชื่อถีอ
การนี้ จำเป็นหรือไม่ที่ต้องพึ่งพาการรับรองความจริงแท้ และ คุณภาพของเหรียญฯ จาก บริษัทผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เรื่องนี้เป็นข้อถกเถียงของเหล่านักสะสมมือสมัครเล่น และ มือใหม่ทั้งหลาย โดยธรรมชาติ และ เหตุผล ... ยังมีเหรียญโบราณที่ไม่เคยรับรู้มาก่อน หรือ เหรียญฯ ที่มีพิมพ์ และ รูปแบบที่ต่างไปจากที่เคยรับรู้จากการขุดค้นอยู่เนืองๆ
บริษัทฯ ดังกล่าวข้างต้นจะกล้าให้ความเห็นอย่างไรกับเหรียญพบใหม่เหล่านี้ ในเมื่อทุกบริษัทล้วนยึดถือคู่มือ แคตตาล๊อคเหรียญกษาปณ์โบราณของพิพิธภัณฑสถาน และ เอกสาร คู่มือจากสำนักกษาปณ์วิทยาของแต่ละประเทศเป็นหลักอ้างอิง ในขณะเดียวกัน นักโบราณคดีของพิพิธภัณฑ์ก็ไม่ยอม และไม่กล้าที่จะออกเอกสารให้การรับรองใดๆ
เว้นแต่โบราณวัตถุที่ทำใหม่ ทำเทียม เลียนแบบของเก่า เพื่อประโยชน์การนำออกนอกอาณาจักร แม้แต่ธนาคารแห่งชาติบางประเทศที่มีห้องแสดงเงินตรา (Money Museum) ถ้าต้องรับรอง ก็จะออกใบรับรองเฉพาะสิ่งที่ธนาคารแห่งชาติฯ นั้น เป็นผู้ผลิตเท่านั้น และ จากข้อเท็จจริง เหรียญฯ ต่างๆ ที่เข้าสู่ห้องประมูลซื้อขายทั่วโลก
ล้วนมาจากเหรียญฯ ปราศจากการรับรอง หรือ ประกาศนียบัตรใดๆ ดูได้จากภาพในแคตตาล๊อคที่นำเสนอขาย ส่วนมากจะเป็นรูปตัวเหรียญฯ เปลือยเปล่า หากมีจะเป็นรูปเหรียญฯ บรรจุในตลับพลาสติกใสผนึกปิดสนิท ระบุชื่อย่อบริษัทผู้รับรอง และ เกรดคุณภาพ ซึ่งมีจำนวนไม่เกิน 0.1 เปอร์เซ็นต์ ของจำนวนเหรียญเข้าตลาดทั้งหมดในแต่ละปี
และ ไม่เสมอไปที่เหรียญฯ ได้รับการรับรองเหล่านี้ มีหลักประกันว่าน่าซื้อ
บริษัท ประกอบธุระกิจรับประมูลขายโบราณวัตถุ อาทิ เช่น Sotheby's, Christy's, Spink, CNG และอื่นๆ ยินดีรับเหรียญฯ เปลือยเปล่าปราศจากเอกสารกำกับรับรองใดๆ เพราะบริษัทเหล่านี้เป็นมืออาชีพ ประกอบอาชีพด้านนี้มานาน มีประสบการณ์ มีผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขา ทำการตรวจสอบก่อนที่จะรับดำเนินการประกาศขายในแคตตาล๊อคของบริษัทฯ
เขาเหล่านี้รู้ดี มีข้อมูลอ้างอิงมาก สามารถระบุได้ว่าเหรียญฯ แบบ ชนิด และ พิมพ์ นี้ ได้เคยปรากฏในตลาดการประมูลจากบริษัทใด กี่ครั้ง หลังสุดเมื่อใด จากผู้ใด ราคาที่ออก ซึ่งในการประกาศขายแต่ละครั้ง บริษัทประมูลเหล่านี้ จะแจง ราคาขั้นต่ำ หรือ ราคาเริ่มต้น สภาพของตัวเหรีญมีความคมชัดจะดับใด หายากมากน้อยเพียงไร มีจำนวนกี่เหรียญเท่าที่มีเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์
สมาคมฯ สำนักกษาปณ์วิทยา แห่งใด นักสะสมส่วนบุคคล .....
ทุกวันนี้ บริการอินเตอร์เน็ตสะดวก รวดเร็ว ติดต่อสื่อสารได้ทั่วถึงครอบคลุมไปทั่วโลก ค่าใช้จ่ายต่ำ ทุกผู้ทุกนามสามารถนำเสนอเหรียญฯ ของตนบนอินเตอร์เน็ตได้อย่างง่ายดาย ถ้ามั่นใจว่าเหรียญฯ ของตนดีจริงย่อมไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเอกสารรับรองใดๆ เพียงใช้ช่องทางอินเตอร์เน็ต
ข้อสำคัญ ต้องนำเสนอภาพถ่าย สดใสชัดเจน สัดส่วนถูกต้อง ไม่ผิดเพี้ยน ความละเอียดและความคมชัดสูง ขนาดภาพแต่ละด้านและด้านข้างวงรอบของตัวเหรียญฯ ต้องไม่ต่ำกว่า 1,000 x 1,000 พิกเซล (Pixels) หากสามารถนำเสนอภาพขนาดใหญ่มากกว่านี้ได้ยิ่งดี เพราะลายเส้น รายละเอียด องค์ประกอบ แม้แต่ตำหนิต่างๆ จะชัดเจน
ล้วนเป็นข้อมูลสำคัญ ถ้าแสดงด้วยแผ่นภาพพิมพ์ ต้องพิมพ์บนกระดาษอัดภาพแบบมันวาว (Glossy photo paper) ไม่ควรต่ำกว่าขนาด A4 จากนั้น ต้องระบุชนิดโลหะ ทอง อีเลคตั้ม (ทอง+เงิน) เงิน ทองแดง หรือ บรอนซ์ ฯลฯ ขนาดความกว้าง ความหนา เป็นมิลลิเมตร น้ำหนักเป็นกรัม ภาพด้านหน้า ภาพด้านหลัง และภาพด้านข้างของตัวเหรียญ
ทำมุมตรงกัน สลับกัน หรือ เยื้องกัน เช่น ตรงกัน 12 นาฬิกา หรือ สลับกัน 6 นาฬิกา หรือ เยื้องกัน 3 นาฬิกา (Die axis .... o'clock) ลักษณะด้านข้าง (Edge) รอบตัวเหรียญ เครื่องหมาย สัญลักษณ์ อักขระ ถ้ามี .... เป็นต้น
ข้อสังเกต เหรียญฯ ที่มีชื่อเสียง สมบัติส่วนบุคคลที่ถูกอ้างอิงนำเสนอในตำราวิชาการ ล้วนไม่มีเอกสารรับรองความเป็นเหรียญจริงแท้ ความโดดเด่น ความหายาก หรือ ระดับเกรดใดๆ มีแต่เอกสาร สัญญากรมธรรม์ประกันภัย ประกอบด้วยภาพถ่าย ทุกซอกทุกมุม รายละเอียด ขนาดรูปพรรณสันฐาณ และ ตำหนิต่างๆ
เว้นแต่เหรียญฯ ที่มีค่าราคาสูงมากๆ หากถูกจัดแสดง จะบรรจุอยู่ในกลางแผ่นกระจกนิรภัยบานใหญ่ ใส และ หนาเป็นพิเศษ เพื่อความปลอดภัยจากอุบัติเหตุ และ ป้องกันการโจรกรรม
ตัวอย่าง เปรียบเทียบภาพการนำเสนอประมูลขายในแคตตาล๊อค เพื่อความเข้าใจ
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่งราชวงศ์โมกุล ในตลับปิดผนึกแน่นหนาของ NGC ระบุ AU 58 ระหัส 3498262-003
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่งราชวงศ์โมกุล อินเดีย เหรียญฯ เปล่าเปลือยไม่มีการรับรองระดับเกรด
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ Sale 18 Lot 1187 คัดลอกมาจากการประมูลขายเหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่ง ราชอาณาจักรโมกุล อินเดีย โดย Stephen Album Rare Coins.
Mughal: Jahangir, 1605-1628, AV portrait mohur (10.74g), NM, AH 1020 year 6, KM-179.4, BMC-315 (same dies), bust of Jahangir left, radiate, wearing turban
with egret, holding goblet in right hand and book in left hand. Persian legend either side reading SHABIH JAHANGIR SHAH AKBAR SHAH at left and SANA SHESH JULUS to right, the
regnal year is indicated by Persian word SHESH for the numeral 6 / lion to right surmounted by sun, Persian legend under, HIJRI and 1020 in numerals, within double circles
with dots between, NGC graded AU 58, RRR
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญที่ระลึก พระเจ้า หลุย์ที่ 14 โกษาปาน โดย Fritz Rudolf Kunker GmbH & Co. KG.> Auction 371 22 June 2022
เหรียญฯ ทองแดงที่ระลึกการทูตราชอาณาจักรฝรั่งเศส-สยาม สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผลิตเพื่อเป็นเกียรติโดยราชสำนักฝรั่งเศส ในตลับปิดผนึกรับรองความเป็นของแท้ โดย NGC เลขที่ MS 62 BN(4977226-034) ประมูลขาย ที่ยุโรป เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ไม่มีผู้ซื้อ
Lot number: 3453
Estimate: 1500 EUR
Price realized: Unsold ไม่มีผู้ซื้อ
Lot description:
Thailand, Narai der Grosse, 1656-1688. Bronzemedaille 1686, unsigniert, auf den Empfang senior Botscahafter in Frankreich.
Buste des Franzosichen Konigs Louis xiv r.// Louis xiv thront nach l, US-Plastckholder der NGC milh der Bawurtung MS G2 BN(4977226-034).
RR Vorgunglich-Stempelglanz
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญที่ระลึก พระเจ้า หลุย์ที่ 14 โกษาปาน โดย Fritz Rudolf Kunker GmbH & Co. KG.> Auction 371 22 June 2022
เหรียญฯ ทองแดงที่ระลึกการทูตราชอาณาจักรฝรั่งเศส-สยาม สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ผลิตเพื่อเป็นเกียรติโดยราชสำนักฝรั่งเศส เหรียญเปลือยเปล่า ประมูลขาย ที่ยุโรป เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2565 ได้ราคา 1200 EUR ราคานี้ไม่รวมค่าธรรมเนียมการประมูล 20 เปอร์เซ็นต์
Lot number: 3454
Estimate: 1250 EUR
Price realized: 1200 EUR (Approx 1,262 USD) Note: Prices do not include byer fees.
Lot description:
Thailand, Narai der Grosse, 1656-1688. Bronzemedaille 1686, unsigniert, auf den Empfang senior Botscahafter in Frankreich.
Buste des Franzosichen Konigs Louis xiv r.// Louis xiv thront nach l, vor ihm sich der drei Botschafter von Siam 41.18 mm, 37.92 g Divo 216.
RR Vorgunglich
เหรียญที่ระลึก พระเจ้าหลุย์ที่ 14 โกษาปาน ทั้งสองมาจากผู้ขายรายเดียวกัน โดยที่เหรียญที่ระลึกรุ่นนี้มีปัญหามาก ของทำใหม่เกลื่อนตลาด เหรียญฯ เปลือยเปล่าไม่มีการรับรองใดๆ สัมผัสตรวจสอบทางกายภาพได้อย่างง่ายดาย มีผู้ซื้อประมูลไป แต่อีกเหรียญฯ คุณภาพดี มีการรับรองความแท้จากสถาบันมาตรฐาน NGC หุ้มห่อมิดชิด สัมผัสเนื้อในไม่ได้ ..... ไม่มีผู้ซื้อ
เหรียญโบราณ มีค่า มีราคา ปราศจากการรับรองความแท้จากสถาบันมาตรฐาน ตรวจสอบได้จากประวัติการซื้อขายในอดีต
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ CNG Lot number: 2396 คัดลอกมาจากการปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่ง ราชอาณาจักรโมกุล อินเดีย โดย Classical Numismatic Group, New York. Auction Triton XIX.
วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่งราชวงศ์โมกุล อินเดีย มีรอยตัดห่วงด้านบนพระเศียร
Sale: Triton XIX, Lot: 2396, Estimate 20,000 US$.
Sold for 400,000 US$. This amount does not include the buyer's fee.
INDIA, Mughal Empire. Nur al-Din Muhammad Jahangir. AH 1014 - 1037 / AD 1605 - 1627. AV Mohur (23 mm. 10.99 g. 11 h). Portrait type Class A. Dually dated AH 1020 and
RY 6 (16 march - 14/23 October AD 1611). Shabih-e Jahangir Shah Akbar Shah (Likeness of Jahangir Shah (son of Akbar)) in Persian to left, Sarnat 6 Jalus (regnal year 6) in Persian
to right, bust left, left hand resting hand on throne. / Lion recumbent left, radiate sun behind, Sonat 1020 Hijri (year 1020 of the Hijra) in Persian to right. VF,
remain of suspension loop mounting. Very rare contemporary issue presented to prefered courtiers.
From the collection of Dr. Lawrence A. Adams, purchase from M. Louis Teller, June 1981.
ข้อความต่อไปนี้ ประกอบด้วยภาพ NGA Lot number: 28 Auction 11 คัดลอกมาจากการเปิดประมูลขายเหรียญกษาปณ์ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่ง ราชอาณาจักรโมกุล อินเดีย โดย Numismatica Genevensis SA, Switzerland.
วันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562
เหรียญฯ ทองคำ พระเจ้า Jahangir แห่งราชวงศ์โมกุล อินเดีย มีรอยตัดห่วงด้านบนพระเศียร
Starting price: 200,000.00 CHF
An extremly rare early portrait of JAHANGIR.
Nur al-Din Muhammad Jahangir. AH 1014 - 1037 (1605 - 1627 CE). AV Mohur AH 1020, regnal year 6 (1611 CE), Agra of Jahangir facing left on the surface of the radiant sun wearing a turban
with an egret (Jikkah) and a brocaded costume, holding a book in his left hand to left "Shabiva Jahangir Shah Akbar Shah", to right downwards "Sana 6 Julu"/ Lion facing left on a setting sun,
below "Sena 1020 Hijri". 10.97 g. BMC Mughal 312 (same dies); KM 179.1 (same dies); Fr 758; Liddle Andrew, coin of Jahangir, 2013 (Liddle Jahangir), Type 633 (same dices).
From the collections John Work Garrett, auction Leu/NFA Part 1 (16 May 1984), 476 (purchase from Max Schulman, 11 November 1928), Hennessey and Dr. Lawrence A. Adams auction CNG Triton XIX
(4 January 2016), 2396.
Grading/Status: Very fine, trace of mounting.
**********
ตลับพลาสติกใสตามขนาดและแบบ ของ PCGS และ NGC ถูกลอกเลียนปลอมแปลงขาย ตรวจพบและจับกุมในหลายประเทศ จะมั่นใจอย่างไร หากบนตลับมีป้ายสติกเก้อร์ เครื่องหมายภาพพิมพ์สามมิติตราของบริษัทฯ ตรวจสอบทางอินเตอร์เน็ต
อ่านเลขที่ รหัสบาร์โคตบนตลับจากทะเบียนต้นทางของบริษัทฯ ได้รับข้อมูลตอบกลับ ตรงตามคุณสมบัติของเหรียญฯ ที่บรรจุปิดผนึกอยู่ในตลับนั้นๆ แต่ในขณะเดียวกัน ปรากฎว่ายัง มีเหรียญแบบเดียวกันในมือของผู้เสนอขายอีกหลายเหรียญ บรรจุอยู่ในตลับปิดผนึกมี เลขที่ ระหัสบาร์โคต แบบเดียวกันทุกประการ...... สถานะของเหรียญเหล่านี้คงไม่ต่างจากธนบัตรปลอม ที่มีรูปแบบ เลขกำกับซ้ำๆกัน หลายฉบับ !
ภาพส่งท้าย
หนี่งในเหรียญกษาปณ์สวยที่สุด เหรียญเงินกรีกโบราณ 405 - 400 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ขุดพบที่เกาะซิชิลี Sicily น้ำหนัก 16.9 กรัม
Sicily.
The most important Greek silver coin ever sold by Numismatica Genevensis SA.
Syracuse, Silver tetradrachms, signed by Kimon, circa 405-400 BC. Head of APEΘOΣA Arethusa facing, slightly in clined to the left, wearing two necklaces; her hair flows on soft waves around her head;
on the ampyx over her forehead, the signature KIMΩN; on right two dolphins swimming and a third emerging from the hair to the left / ΣYPAK OΣIΩN Quadriga galloping to the left; the charioteer,
holding reins and kentron, looks back at his pursuers; above Nike presenting a wreath to the charioteer; ear of barley in exergue. 16.9 g.
Certainly the most beutiful greek coin in private hands. A masterpiece of sublime style. Extremely rare.
**********
เครื่องมือวัด วิธี และ กระบวนการตรวจสอบ ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นนั้น ไม่เพียงแต่ใช้ตรวจสอบเหรียญกษาปณ์ เหรียญที่ระลึก เหรียญพระ ทองแท่ง เครื่องประดับมีค่า หรือ สินแร่ โลหะต่างๆ ทว่ายังสามารถใช้ตรวจสอบพระเครื่องที่ทำจาก หิน ดิน ฝุ่น และ ผงที่เรียกรวมๆ กันว่ามวลสาร หากมีการตรวจสอบและกระทำอย่างจริงจัง
ผู้ตรวจมีความเป็นกลาง บรรดาพระเครื่อง พระผง ที่มีชื่อเสียงในทำเนียบของเหล่านักเลงพระ นักสะสมทั้งหลาย จะต้องมีการรื้อ จัดอันดับ และ สะสางจำนวนเป็นการใหญ่ เพราะเท่าที่ผ่านมาล้วนถูกชี้เป็นชี้ตาย จากผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเซียนพระ มีเพียงเล็นส์พกพากำลังขยายไม่เกิน 10 เท่า บวกกับความจำและประสพการณ์เฉพาะตัวเท่านั้น
พระเครื่อง พระผง ที่ทำขึ้นด้วยการปั้น กดพิมพ์ สามารถทำให้เป็นพระเก่าโบราณ หรือ ให้เหมือนของจริงได้ ทำให้แกร่งและแห้ง ด้วยการอบด้วยอุณหภูมิที่ควบคุมได้ กลบเกลื่อนเคลือบผิวด้วยเศษผงเดิมจากพระที่ชำรุดแตกหักได้ แต่สิ่งหนึ่งคือ ส่วนผสมขององค์ประกอบจากวัสดุต่างๆ
ที่นำมากดบีบอัดขึ้นรูปเป็นองค์พระนั้น พระผงของแท้มีสัดส่วนเช่นไร ยังไม่เคยปรากฎข้อมูลให้เห็น ลักษณะ รูปลักษณ์ ของส่วนผสมจากมวลสารต่างๆ ที่ขยายด้วยกล้องจุลทัศน์ ตรวจวัดจำแนกสัดส่วนจำนวนของส่วนผสม และความถ่วงจำเพาะของพระเครื่อง พระผง แต่ละรุ่น
แต่ละแบบ หากมีการนำพระผงหรือพระเครื่องที่มีชื่อเสียง หรือ พระที่มีข้อสงสัยกังขา มาทดสอบเปรียบเทียบกับองค์ที่น่าเชื่อถือ หาความเป็นของแท้ด้วยเครื่องมือเหล่านี้ แน่นอน ย่อมก่อให้เกิดข้อถกเถียงโต้แย้งเป็นวงกว้างในหมู่เซียนพระ และ ระหว่างเซียนพระกับนักวิชาการ
ความเป็นวิทยาศาสตร์นี้ ช่วยพิสูจน์ด้วยเหตุและผล จะก่อประโยชน์แก่วงการพระเครื่องให้มีมาตรฐาน เป็นที่ยอมรับและเชื่อถือ
ข้อสำคัญ พระเครื่องที่จะรับการตรวจด้วยกล้องจุลทัศน์ควรส่องตรวจมวลสารจากด้านหลังด้วยการฝนหรือขัดเบาๆ เพื่อให้เห็นเนื้อแท้ข้างใน ควรเป็นตรงกลางด้วยขนาดพื้นที่เล็กๆ เท่าที่จำเป็น กระทำด้วยความระมัดระวัง
ต้องไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์พระ ต้องบันทึกเป็นเอกสารกำกับ ระบุตำแหน่งถูกตรวจสอบจากส่วนใดขององค์พระ ผลการตรวจสอบ สถาบันผู้ตรวจสอบ
ส่วนการที่จะตรวจหาอายุของพระเครื่อง ต้องตรวจด้วยรังสี นำองค์พระมาบดตำให้ละเอียดเพื่อตรวจหาอายุจากค่ารังษีในอินทรีย์วัตถุที่ผสมปนอยู่ในผงที่ถูกบด ซึ่งการนี้ไม่สมควรกระทำ เพราะการที่จะรับรู้อายุสิ่งของด้วยการทำลาย
ย่อมไม่คุ้มค่าและสำคัญเท่ากับการรับรู้ความเป็นของแท้ของจริง
**********
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ท่านสามารถนำ ข้อเขียน เนื้อหา ไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องแจ้งแต่ประการใด ส่วนภาพประกอบในสาระน่ารู้เหล่านี้ได้คัดลอกมาจาก
Internet Public Domains บางภาพอาจมีลายน้ำต้องคงไว้เป็นตัวอ้างอิงถึงที่มา ต้องให้ Credit แก่เจ้าของภาพ และ www.dandinth.com เพื่อประโยชน์ต่อการสืบค้น
คลิกที่นี่ เพื่อกลับไปเริ่มต้นอ่านใหม่